ซีพีเอฟ ไตรมาส 2 กำไรหดเหลือ 4.1 พันล้าน สำรองค่าใช้จ่ายพนักงาน 1,812 ล้าน

ผลดำเนินงานงวด 6 เดือนดีขึ้นตามคาด กวาดยอดขาย 2.6 แสนล้าน จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 30 สตางค์ต่อหุ้น

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (ซีพีเอฟ) รายงานว่าไตรมาส 2 ปี 62 มีกำไรสุทธิ 4,104.47 ล้านบาท ลดลง 30 % จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 5,893.98 ล้านบาท หรือลดลง 1,789.57 ล้านบาท สาเหตุจากการรับรู้ค่าใช้จ่ายพนักงานตามพ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ 7) เพิ่มเติมอีกจำนวน 1,812 ล้านบาท

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ กล่าวว่า บริษัทรายงานยอดขายงวด 6 เดือน จำนวน 2.59 แสนล้านบาท เติบโตจากระยะเวลาเวลาเดียวกันของปีก่อนเล็กน้อย โดยมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายและค่าใช้จ่ายภาษีและค่าเสื่อม (อีบิตดา) จำนวน 22,175 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44% จากปีก่อน

ทั้งนี้ หากพิจารณาผลการดำเนินงานในรูปของเงินตราท้องถิ่น บริษัทจะมียอดขายเติบโต 5-6% แต่เนื่องจากสัดส่วนยอดขาย 67% ของบริษัทมาจากกิจการในต่างประเทศ ทำให้ได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น ทำให้ยอดขายจากกิจการต่างประเทศน้อยลงจากการแปลงค่างบการเงินมาเป็นสกุลเงินบาทประมาณ 4%

อย่างไรก็ตาม จากการฟื้นตัวจากภาวะล้นตลาดของราคาสุกรโดยเฉพาะในประเทศไทย ประเทศเวียดนามและกัมพูชา ทำให้ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทดีขึ้นอย่างโดดเด่น โดยอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นจาก 11% ในปีก่อนเป็น 14% ในปีนี้ และส่งผลให้อีบิตดาเพิ่มขึ้น 44%

นายประสิทธิ์กล่าวถึงกำไรสุทธิงวด 6 เดือนปีนี้ว่า หากหักรายการพิเศษแล้ว กำไรสุทธิของบริษัทในงวด 6 เดือนปีนี้จะเติบโตจากปีก่อนอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากมีผลกระทบจากการบันทึกผลขาดทุนจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์ชีวภาพ และผลกระทบจากการรับรู้ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากการบังคับใช้กฎหมายคุ้มครองแรงงานฯ ทำให้กำไรสุทธิงวด 6 เดือนปีนี้จำนวน 8,384 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนประมาณ 6%

ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 13 ส.ค. 2562 ได้มีมติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจาก ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนปีนี้ ในอัตราหุ้นละ 30 สตางค์ โดยจะทำกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผลในวันที่ 29 ส.ค.2562 (ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 28 ส.ค.62) และจะทำการจ่ายเงินปันผลในวันที่ 12 ก.ย.นี้