posttoday

อีก 2 สัปดาห์กองทุนตราสารหนี้เสียภาษี

06 สิงหาคม 2562

บลจ.กสิกรไทย ทิ้งโค้งท้ายออกเทอมฟันด์อายุ 6 เดือน ล็อกผลตอบแทน 1.50-1.65 %ต่อปี 

บลจ.กสิกรไทย ทิ้งโค้งท้ายออกเทอมฟันด์อายุ 6 เดือน ล็อกผลตอบแทน 1.50-1.65 %ต่อปี 

นายนาวิน อินทรสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุนต่างประเทศ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย เปิดเผยว่า กองทุนตราสารหนี้แบบกำหนดอายุโครงการ (เทอมฟันด์) เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการล็อกผลตอบแทนในระยะเวลาลงทุนที่แน่นอน อีกทั้งยังช่วยกระจายความเสี่ยงและช่วยให้พอร์ตการลงทุนมีประสิทธิภาพภายใต้สภาวะตลาดที่มีความผันผวน

พร้อมกันนี้ บลจ.กสิกรไทย ได้ออกกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน HH(KFF6MHH)ประมาณการผลตอบแทน 1.50% ต่อปี และกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 1 ปี GS (KFF1YGS)ประมาณการผลตอบแทนไว้ที่ 1.65% ต่อปี เปิดเสนอขายระหว่างวันที่ 6 - 9 ส.ค. 62

เบื้องต้นคาดว่าทั้ง 2 กองทุน มีนโยบายลงทุนในเงินฝาก China Construction BanK เงินฝาก Bank of China เงินฝาก Agricultural Bank of China และบัตรเงินฝาก China Merchants Bank ประเทศจีน รวมถึงเงินฝาก Commercial Bank of Qatar เงินฝาก AI Khalij Commercial Bank และบัตรเงินฝาก Qatar National Bank ประเทศกาตาร์ นอกจากนี้ยังมีตราสารหนี้ Malayan Banking Berhad ประเทศมาเลเซีย โดยกองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน

ทั้งนี้ กองทุนจะยังไม่ได้รับผลกระทบจากการเก็บภาษีกองทุนตราสารหนี้ในอัตรา 15% เนื่องจาก กองทุนได้เปิดเสนอขายก่อนที่กฎหมายจัดเก็บภาษีกองทุนตราสารหนี้จะมีผลบังคับใช้ ซึ่งเหลือเวลาอีกไม่ถึง 2 สัปดาห์ กองทุนก็จะถูกเก็บภาษีแล้ว

สำหรับภาวะตลาดตราสารหนี้ต่างประเทศในสัปดาห์ที่ผ่านมา อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ มีความชันลดลง โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 2 ปี เพิ่มขึ้น 0.3 % มาอยู่ที่ระดับ 1.87%ต่อปี ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ลดลง 0.4 % มาอยู่ที่ 2.02%ต่อปี ด้านธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)ลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25 % มาอยู่ที่ 2.00 – 2.25%ต่อปี ตามที่ตลาดคาดไว้

นายนาวิน กล่าวว่า การลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ถือเป็นการบริหารจัดการความเสี่ยงเพื่อไม่ให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเนื่องมายังเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังขยายตัวได้ดีโดยเฉพาะในภาคแรงงาน ที่มีอัตราการจ้างงานสูงขึ้น อีกทั้งยังได้ปรับค่าจ้างแรงงานเพิ่มขึ้นด้วย ด้านรัฐบาลและธนาคารจีนได้ส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินมากขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องโดยการปรับลดอัตราดอกเบี้ย รวมถึงการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐาน โดยมองว่าเป็นตัวสนับสนุนให้เศรษฐกิจจีนมีการขยายตัวอย่างมีเสถียรภาพ

อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามการเจรจาทางการค้าในประเด็นการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา รวมถึงประเด็นเบร็กซิต หลังจากที่อังกฤษได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนการถอนตัวของอังกฤษจากสหภาพยุโรปแบบไร้ข้อตกลง (No-deal Brexit)