posttoday

บลจ.กรุงไทย แนะKT-ASEAN ทางเลือกลงทุนระยะยาว

01 สิงหาคม 2562

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.)กรุงไทย (KTAM) เปิดเผยว่า ประเทศในกลุ่มอาเซียนมีเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ สำหรับการลงทุนในระยะยาว โดยบริษัทมีกองทุนเปิดเคแทม อาเซียน อิควิตี้ ฟันด์ ( KT-ASEAN ) ที่ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน JP Morgan Funds – ASEAN Equity Fund (กองทุนรวมหลัก)

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.)กรุงไทย (KTAM) เปิดเผยว่า ประเทศในกลุ่มอาเซียนมีเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ สำหรับการลงทุนในระยะยาว โดยบริษัทมีกองทุนเปิดเคแทม อาเซียน อิควิตี้ ฟันด์ ( KT-ASEAN ) ที่ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน JP Morgan Funds – ASEAN Equity Fund (กองทุนรวมหลัก)

ซึ่งกองทุนหลักจะเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทที่มีภูมิลำเนาอยู่ในสมาชิกกลุ่มอาเซียน หรือมีผลการดำเนินงานของบริษัทมาจากประเทศที่เป็นสมาชิกในกลุ่มอาเซียน และกองทุนรวมหลักอาจลงทุนในบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งมีธุรกรรมกับประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศจีน

ทั้งนี้ ปัจจัยที่สนับสนุนให้ตลาดหุ้นอาเซียนมีความน่าสนใจในระยะยาว เนื่องจากเป็นที่คาดหมายว่าจีดีพี ของอาเซียนน่าจะเติบโตจนมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลกในปี 2050 รองจากจีน อินเดีย และสหรัฐฯ โดยสถาบัน แมคคินซีย์ โกลบอล อินซทิทยูท ( McKinsey Global Institute)คาดการณ์ว่าภูมิภาคอาเซียนควรมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมากกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ ระหว่างปี 2016-2030 ในการสร้างถนน ระบบราง ท่าเรือ สนามบิน โรงไฟฟ้า ระบบประปา และโครงข่ายการสื่อสาร เพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ปัจจุบันเห็นได้ชัดว่า รัฐบาลของหลายประเทศในอาเซียน กำลังขับเคลื่อนโครงการต่างๆดังที่กล่าวมา

นอกจากนี้ ภาคการท่องเที่ยวมีอัตราการเติบโตสูง อาเซียนต้อนรับนักท่องเที่ยว 129.2 ล้านคน ในปี 2018 เพิ่มขึ้น 7.6% จากปี 2017 โดยสำนักสถิติโกลบอล ดาต้า คาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าอาเซียนน่าจะเติบโตต่อไปด้วยอัตราเฉลี่ย 4.72% ต่อปี จนแตะ 155.4 ล้านคนในปี 2022 ภาคธนาคารของอาเซียนก็กำลังฟื้นตัว หลังจากตั้งสำรองหนี้เสียไปมากแล้ว ขณะที่ที่หนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) มีแนวโน้มปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องในหลายประเทศ

อนึ่ง โครงสร้างประชากรในภาพรวมของอาเซียนก็เป็นปัจจัยหนุนการเติบโต โดยจำนวนคนอายุไม่ถึง 35 ปีมีอยู่มากกว่า 380 ล้านคนหรือคิดเป็น 58% ของประชากรในอาเซียน ซึ่งมากกว่าจำนวนชาวสหรัฐฯอเมริกาทั้งประเทศ นอกจากนี้ อาเซียนยังมีกำลังแรงงานขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกรองจากจีน และ อินเดีย

ขณะที่คาดว่า จำนวนคนชั้นกลางในอาเซียน จะเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจาก 135 ล้านคน (24%) ในปี 2015 ไปเป็น 334 ล้านคน (51%) ในปี 2030 อันเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการบริโภคให้เติบโตอย่างมีเสถียรภาพในระยะยาว นอกจากนี้ อาเซียนยังเป็นจุดหมายอันดับต้นๆในการย้ายฐานการผลิต นับตั้งแต่เกิดสงครามการค้าระหว่าง สหรัฐฯ และ จีน โดยปัจจัยที่ดึงดูดการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศในรอบนี้ เช่น ทำเลที่ตั้ง ห่วงโซ่อุปทานและเครือข่ายขนส่งที่แข็งแกร่ง กำลังแรงงานขนาดใหญ่ รวมถึงความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศมหาอำนาจทั้งสองซึ่งเป็นคู่ขัดแย้ง

ส่วนปัจจัยสนับสนุนตลาดในระยะสั้น เจพี มอร์แกน เผยสถิติในอดีตที่ผ่านมาชี้ว่า ตลาดหุ้นอาเซียน มักสร้างผลตอบแทนโดดเด่น ในช่วง 3-6 เดือนหลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป( อีซีบี) ผ่อนคลายนโยบายการเงินในช่วงกลางของวัฏจักรเศรษฐกิจ

ผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุน ณ วันที่ 23 ก.ค.2562 ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (2 ม.ค.-23 ก.ค.) อยู่ที่ 11.02% ย้อนหลัง 6 เดือน อยู่ที่ 6.54% ย้อนหลัง1 ปี อยู่ที่ 5.93% และย้อนหลัง3 ปี อยู่ที่ 6.08 %ซึ่งสูงกว่าดัชนีอ้างอิง ( MSCI South East Asia Index ) อยู่ที่ 6.33% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 3.44% ย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 1.41% และย้อนหลัง 3 ปี อยู่ที่ 2.79 %