posttoday

จับตาเฟดลดดอกเบี้ยหนุนหุ้นเด้ง 1,780 จุด

30 กรกฎาคม 2562

บล.เคทีบี แนะลงทุนกลุ่มโรงไฟฟ้า โรงพยาบาล ไฟแนนซ์ เตือนรับมือกำไรบจ.ไตรมาส 2 วูบ

บล.เคทีบี แนะลงทุนกลุ่มโรงไฟฟ้า โรงพยาบาล ไฟแนนซ์ ปัจจัยกังวล"กำไรบจ.ไตรมาส 2 วูบ-เศรษฐกิจโลกชะลอ"

นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคทีบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ (30 ก.ค - 2 ส.ค.) มีปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนติดตาม คือ การประชุมคณะกรรมการนโยบายทางการเงินของสหรัฐฯ (FOMC) ในวันที่ 30-31 ก.ค. ซึ่งมีการคาดการณ์ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ย 0.25-0.50% รวมถึงเรื่องผลความคืบหน้าในการเจรจาการค้าของสหรัฐฯกับจีนด้วย ทำให้นักลงทุนมีการปรับพอร์ตลงทุนเพื่อรับผลจาก 2 ประเด็นดังกล่าว

บล.เคทีบีฯ ประเมินว่า ทั้งเรื่องการลดดอกเบี้ยของสหรัฐฯและการเจรจาการค้าของสหรัฐฯกับจีน จะมีผลออกมาในเชิงบวกต่อตลาดทั่วโลกรวมทั้งตลาดหุ้นไทยด้วย แต่มีเรื่องที่ต้องจับตา คือ ความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทั้งเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก ดังนั้นตลาดหุ้นไทยอาจปรับตัวขึ้นได้ไม่มาก มองกรอบบนของดัชนีฯสัปดาห์นี้ไว้เพียง 1,740 จุด

สำหรับประเด็นเรื่องการลดดอกเบี้ยนั้นประเมินว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ลดดอกเบี้ยที่ระดับ 0.25% อาจดีต่อตลาดมากกว่าลดครั้งเดียวที่ระดับ 0.50% เนื่องจากตลาดเริ่มมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังชะลอตัว

ส่วนปัจจัยในประเทศที่สำคัญ คือ กระทรวงต่างๆ จะเริ่มทยอยประกาศแผนงานออกมาที่น่าจับตาคือแผนกระตุ้นเศรษฐกิจว่าจะมีมาตรการอะไรออกมาบ้าง อีกเรื่อง คือ การรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ของบริษัทในตลาดที่จะมีผลต่อหุ้นต่างๆ เป็นรายตัว โดยกำไรของตลาดไตรมาส 2 อาจจะไม่เติบโต คาดว่าลดลง 3 % เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน และลดลง 8% จากไตรมาสแรก ส่วนตัวแปรอื่นๆ ที่มีผลต่อตลาด ได้แก่ ความคืบหน้าสถานการณ์อิหร่านที่มีผลต่อราคาน้ำมัน และความคืบหน้าในเรื่อง BREXIT รวมไปถึงตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯที่จะประกาศในวันที่ 2 ส.ค.นี้

จากผลของ 2 ปัจจัยหลักดังกล่าวในสัปดาห์นี้ บล.เคทีบี ฯ ยังมองว่าโอกาสที่จะเป็นบวกต่อตลาดจะมีมากกว่าลบ ยังมีโอกาสที่จะได้เห็นระดับดัชนี 1,750-1,780 จุด โดยกลยุทธ์ลงทุนยังแนะนำให้นักลงทุนพิจารณาปรับสัดส่วนลงทุนมาถือเงินสดประมาณ 20% พร้อมกับเลือกลงทุนเป็นรายตัว เพื่อรอผลประชุมเฟด ในช่วงปลายสัปดาห์

สำหรับหุ้นกลุ่มที่บล.เคทีบี ฯ ให้น้ำหนัก ได้แก่ โรงไฟฟ้า , โรงพยาบาล และไฟแนนซ์ รวมไปถึงหุ้นหลักๆ ของแต่ละกลุ่ม และหุ้นที่ผลประกอบการไตรมาส 2 ออกมาดี ส่วนหุ้นแนะนำในสัปดาห์นี้ ได้แก่ RATCH, SSP, SAWAD, OSP, TKN, PTG และ BDMS