posttoday

หุ้นบีเคดีได้ฤกษ์เทรดกระดานเซ็ท 26 ก.ค นี้

25 กรกฎาคม 2562

หุ้น“บีเคดี” ได้ฤกษ์ลงเทรดกระดาน SET 26 ก.ค. นี้ หมวดบริการรับเหมาก่อสร้าง เดินหน้ารุกธุรกิจหลักรับเหมาครบวงจร

หุ้น“บีเคดี” ได้ฤกษ์ลงเทรดกระดาน SET 26 ก.ค. นี้ หมวดบริการรับเหมาก่อสร้าง เดินหน้ารุกธุรกิจหลักรับเหมาครบวงจร

นางนุชนารถ รัตนสุวรรณชาติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบางกอกเดค-คอน จำกัด(มหาชน) หรือ BKD เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ได้อนุมัติการย้ายหลักทรัพย์ของ BKD เข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET)ในวันที่ 26 กรกฎาคม 2562 เป็นวันแรก ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง หมวดบริการรับเหมาก่อสร้าง ทั้งนี้บริษัทยังคงเป้าหมายมุ่งเน้นธุรกิจรับเหมาตกแต่งภายในครบวงจรและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อให้ผลการดำเนินงานของบริษัทมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ผลักดันให้รายได้และกำไรของบริษัทเติบโตอย่างแข็งแกร่ง สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น

นางนุชนารถ กล่าวว่า การที่หุ้น BKD มาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ (SET) จะส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ของบริษัทและหุ้น BKD ให้เป็นที่รู้จักวงกว้างมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ

“มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด(มาร์เก็ตแคป)ของ BKD ณ.สิ้นสุดวันที่ 23 กรกฎาคม 2562 มีมูลค่า 3,034.91 ล้านบาท และมีการซื้อขายที่สม่ำเสมอ คาดว่าหลังจากที่ย้ายหุ้นมาเทรดที่กระดาน SET จะช่วยลดข้อจำกัดในการเข้ามาลงทุนของนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ และทำให้เพิ่มความเชื่อมั่นในหุ้น BKD มากขึ้น”นางนุชนารถ กล่าว

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้บริษัทยังให้ความสำคัญกับการรับงานทีมีคุณภาพให้ผลตอบแทนที่ดีมากกว่าเน้นปริมาณงาน ช่วงครึ่งปีแรกจะเน้นรับงานภาคเอกชนเป็นหลักสัดส่วนรายได้กว่า 80% โดยกลุ่มลูกค้าหลักคือกลุ่มโรงแรมและกลุ่มโรงพยาบาล ซึ่งจะมีทั้งการตกแต่งใหม่และการปรับปรุง ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานในมือประมาณ 1.2 พันล้านบาท

ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้ นางนุชนารถ กล่าวว่า ยังเติบโตต่อเนื่อง โดยในส่วนของธุรกิจตกแต่งภายในบริษัทได้ตั้งเป้าหมายว่ารายได้จะเติบโตประมาณ 10% โดยหลังจากที่มีการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีเรียบร้อย จะทำให้ภาคเอกชนมีความมั่นใจในการลงทุนมากขึ้น นอกจากนี้จะเริ่มเห็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ ซึ่งบริษัทจะได้รับอานิสงส์จากโครงการลงทุนต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน อย่างไรก็ตามในปีนี้ยังประเมินว่าสัดส่วนรายได้หลักของบริษัทยังจะมาจากภาคเอกชน ส่วนปีหน้าก็จะเริ่มมีสัดส่วนรายได้จากภาครัฐเพิ่มขึ้น