posttoday

บล.ทิสโก้ เตือนระวังหุ้น คาดกำไรบจ.ไตรมาส 2 วูบ

22 กรกฎาคม 2562

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นไทยในระยะสั้นจะเข้าสู่ช่วงอิ่มตัว และแกว่งตัวพักฐานไปจนถึงช่วงสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ โดยมีกรอบแนวรับสำคัญที่บริเวณ 1,690 - 1,715 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นไทยในระยะสั้นจะเข้าสู่ช่วงอิ่มตัว และแกว่งตัวพักฐานไปจนถึงช่วงสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ โดยมีกรอบแนวรับสำคัญที่บริเวณ 1,690 - 1,715 จุด

สาเหตุเพราะผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไทยในไตรมาส 2/2562 อาจเติบโตลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อนหน้า และลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ประกอบกับตลาดหุ้นทั่วโลกรับรู้ข่าวการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ไปมากแล้ว และเงินบาทเริ่มกลับมาอ่อนค่าอีกครั้งหลังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ปรับเกณฑ์มาตรการป้องปรามการเก็งกำไรค่าเงินบาทให้เข้มงวดมากขึ้น

ทั้งนี้ จากการรวบรวมประมาณการกำไรไตรมาส 2/2562 ของตลาดโดยรวมทั้งสิ้น 133 ตัว (Bloomberg Consensus) ซึ่งมีมูลค่าตลาดรวมคิดเป็น 79 % ของมูลค่าตลาดรวมทั้งหมด (ข้อมูล ณ วันที่ 17 ก.ค.) คาดว่าบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) จะมีกำไรสุทธิโดยรวมอยู่ที่ 1.94 แสนล้านบาท ลดลง 9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 11% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/62 เพราะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ราคาน้ำมันที่ปรับลง และการตั้งสำรองผลประโยชน์พนักงานตามกฎหมายแรงงานฉบับใหม่จึงแนะนำให้นักลงทุนความระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น และเลือกลงทุนเป็นรายตัว

สำหรับการลงทุนในเชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้แนะนำหาจังหวะตั้งรับช่วงอ่อนตัวบริเวณแนวรับสำคัญ โดยเน้นลงทุนหุ้นที่มี 3 คุณสมบัติครบ คือ 1.มีประเด็นบวกในระยะสั้น 2.คาดงบออกมาดี และ 3.มีปันผลจ่ายระหว่างกาล

โดยธีมการลงทุนหลักช่วงนี้ บล.ทิสโก้ ยังชอบหุ้นอิงเศรษฐกิจในประเทศที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ ทั้งในแง่ของการบริโภคและการลงทุนแต่อยากให้นักลงทุนเลือกลงทุนเฉพาะหุ้นที่คาดว่างบจะเติบโตเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และมีปันผลจ่ายระหว่างกาล

สำหรับหุ้นเด่นที่แนะนำลงทุนในช่วง 2-4 สัปดาห์ข้างหน้า คือ HMPRO, M, AMATA, ROJNA, EASTW, CK, SEAFCO, PYLON และ TASCO

สำหรับนักลงทุนที่ชอบหุ้นจ่ายปันผลสูง โดยมีอัตราการจ่ายปันผลมากกว่า 5% ต่อปี และต้องการรับผลตอบแทนจากเงินปันผลงวดนี้ บล.ทิสโก้แนะนำลงทุนในหุ้น ANAN, ASP, DIF, HANA, INTUCH, JASIF, KAMART, KKP, LH, LPN, MC, QH, ROJNA, SIRI, SPALI, TKS, TPIPP และ TVO

นายอภิชาติ กล่าวว่า สำหรับการประเมินผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไทยไตรมาสที่ 2/2562 คาดว่ากลุ่มอุตสาหกรรมหลักที่มีกำไรรวมตั้งแต่ 1 หมื่นล้านบาทขึ้นไป จะมีกำไรลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนมีดังนี้

กลุ่มธนาคารจะมีกำไรลดลง 2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 6% จากไตรมาส 1/62

กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ICT) มีกำไรลดลง 42% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 14% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน

กลุ่มวัสดุก่อสร้าง มีกำไรลดลง 21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 22% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน

กลุ่มปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ กำไรลดลง 45% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 8% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน

ส่วนกลุ่มอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มขนาดกลาง-เล็กที่ฐานกำไรรวมต่ำกว่าระดับ 1 หมื่นล้านบาท มีดังนี้

กลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์ มีกำไรเพิ่มขึ้น 26% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน

กลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ มีกำไรเพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน

กลุ่มประกันภัยและประกันชีวิต มีกำไรเพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน

กลุ่มธุรกิจการเกษตร มีกำไรเพิ่มขึ้น 65% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน