posttoday

หุ้นปิดลบ 9.13 จุด ผวาสงครามการค้า

17 กรกฎาคม 2562

หุ้นไทย วันที่ 17 ก.ค.62 ปิดตลาดที่ดัชนี 1,718.85 จุด ลดลง 9.13 จุด (-0.53%) มูลค่าการซื้อขาย 62,632.00 ล้านบาท

หุ้นไทย วันที่ 17 ก.ค.62 ปิดตลาดที่ดัชนี 1,718.85 จุด ลดลง 9.13 จุด (-0.53%) มูลค่าการซื้อขาย 62,632.00 ล้านบาท

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ต่างติดลบกันทั่วหน้าจากความกังวลสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน กลับมาอีกครั้ง หลังจากที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่ม ขณะที่ตลาดฯก็ได้ตอบรับเรื่องธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยไปพอควรแล้ว ซึ่งก็ต้องรอดูการประชุมเฟดในช่วงปลายเดือนก.ค.นี้

สำหรับการลงทุนระยะสั้นและนำให้นักลงทุนโฟกัสผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน (บจ.) งวดไตรมาส 2/62 ซึ่งดูแล้วผลประกอบการของบริษัทขนาดใหญ่ยังคาดเดาได้ยาก เช่น กลุ่มอาหาร และกลุ่มโรงไฟฟ้า คาดว่าผลประกอบการจะออกมาดี แต่ก็ได้สะท้อนไปที่ราคาหุ้นแล้ว

ส่วนผลประกอบการของกลุ่มปิโตรเคมีงวดไตรมาส 2/62 คาดว่าจะอ่อนแอ ซึ่งก็อาจจะไปกดดันตลาดฯได้ ดังนั้น ช่วงสั้นจึงได้เห็นการชะลอการลงทุนของหุ้นขนาดใหญ่ และหันไปเล่นเก็งกำไรหุ้นขนาดกลาง และเล็กแทน

นอกจากนี้ ตลาดฯได้ตอบรับปัจจัยบวกไปพอควรแล้ว และขณะนี้เงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้น ลักษณะนี้ทำให้เงินทุนชะลอไหลเข้าตลาดฯ

แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (18 ก.ค.) นายกิจพณ กล่าวว่า ตลาดฯคงจะปรับฐานในลักษณะซึมตัวลง โดยให้แนวรับ 1,705-1,680 จุด ส่วนแนวต้าน 1,750 จุด

 

5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด

1.PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,955.14 ล้านบาท ปิดที่ 48.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท

2.BEM มูลค่าการซื้อขาย 1,835.66 ล้านบาท ปิดที่ 10.30 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง

3.GPSC มูลค่าการซื้อขาย 1,801.91 ล้านบาท ปิดที่ 67.75 บาท ลดลง 3.25 บาท

4.CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,605.02 ล้านบาท ปิดที่ 87.25 บาท ลดลง 0.25 บาท

5.DTAC มูลค่าการซื้อขาย 1,566.65 ล้านบาท ปิดที่ 56.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท