posttoday

หวั่นสงครามการค้ายืดเยื้อ แห่พักเงินตราสารหนี้

29 พฤษภาคม 2562

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย เปิดเผยว่า ผลตอบแทนตราสารหนี้ในประเทศ อายุคงเหลือต่ำกว่า 4 ปี ปรับตัวขึ้นตามแรงขายของนักลงทุนเพื่อปรับพอร์ตไปลงทุนในตราสารระยะยาว

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย เปิดเผยว่า ผลตอบแทนตราสารหนี้ในประเทศ อายุคงเหลือต่ำกว่า 4 ปี ปรับตัวขึ้นตามแรงขายของนักลงทุนเพื่อปรับพอร์ตไปลงทุนในตราสารระยะยาว

ส่งผลให้ตราสารหนี้อายุคงเหลือมากกว่า 4 ปีขึ้นไป ผลตอบแทนปรับตัวลดลงทุกช่วงอายุตามแรงซื้อของนักลงทุนต่างประเทศ จากความกังวลสงครามการค้า การชะลอตัวของตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาสแรก และตัวเลขการส่งออกเดือนเมษายน ที่ออกมาติดลบต่อเนื่องจากเดือนมีนาคม ทำให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีแนวโน้มที่จะคงดอกเบี้ยนโยบายตลอดปี 2562

ส่วนแนวโน้มอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ฯ ปรับตัวลงทุกช่วงอายุ แตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี 6 เดือน จากการที่นักลงทุนปรับไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ จากความกังวลเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน ที่มีความรุนแรงมากขึ้น โดยความขัดแย้งดังกล่าวอาจจะทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง และตลาดยังถูกกดดันจากการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐฯด้วย

ทั้งนี้ บลจ.กรุงไทย ออกกองทุนตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ 2 กองทุนให้นักลงทุนได้เลือกตามความเหมาะสม ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 227 ( KTFF227) อายุโครงการ 3 เดือน และกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารภาครัฐไทย 7 ( KT-THAIGOV7) อายุ 6 เดือน เสนอขายตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 4 มิถุนายนนี้ เงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท

โดยกองทุน KTFF227อายุโครงการ 3 เดือน เน้นลงทุนในเงินฝาก ตราสารหนี้ต่างประเทศไม่น้อยกว่า 80 % ผลตอบแทนประมาณ 1.60 % ต่อปี ส่วนกองทุน KT-THAIGOV7อายุโครงการ 6 เดือน เน้นลงทุนในตราสารภาครัฐในประเทศไม่น้อยกว่า 80 % โดยลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ตั๋วเงินคลัง และพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ผลตอบแทนประมาณ 1.40 % ต่อปี