posttoday

ปตท.ตอกเสาเข็ม EECi วังจันทร์วัลเลย์

16 พฤษภาคม 2562

อิตาเลี่ยนไทย คว้างานก่อสร้างเมืองนวัตกรรมใหม่ของปตท. มูลค่า 2.6 พันล้านบาท

อิตาเลี่ยนไทย คว้างานก่อสร้างเมืองนวัตกรรมใหม่ของปตท. มูลค่า 2.6 พันล้านบาท

บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) แจ้งว่าได้ลงนามในสัญญาก่อสร้าง 2 โครงการ รวมมูลค่า 3,000 ล้านบาท ประกอบด้วย 1. โครงการก่อสร้างศูนย์โลจิสติกส์เคอรี่บางนา ระยะที่ 3 ของบริษัท เคอรี่ โลจิสติกส์ (บางนา) มูลค่า 372.54 ล้านบาท

2. โครงการงานจ้างเหมาก่อสร้างงานโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภค โครงการการพัฒนาพื้นที่วังจันทร์วัลเลย์ เพื่อเขตนวัตกรรมเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก EECi (ในนามของ อิตาเลียน ไทยดีเวล๊อปเมนต์ – อิตัลไทยวิศวกรรม ค้าร่วม) ของบริษัท ปตท.(PTT) มูลค่า 2,643.27 ล้านบาท

ก่อนหน้านี้ นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. กล่าวว่า ปตท. และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้ประสานความร่วมมือเพื่อพัฒนา EECi ให้เป็นเมืองนวัตกรรมใหม่ที่ใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ไทยแลนด์ 4.0

โดยมีแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภคบนพื้นที่ 3,455 ไร่ของ EECi ให้มีความทันสมัยในรูปแบบ Smart Natural Innovation Platform เอื้อต่อการสร้างระบบนิเวศนวัตกรรม มุ่งเน้นการสร้างเครือข่ายงานวิจัยและพัฒนานวัตกรรมครบวงจร โดยจะดึงบริษัทชั้นนำด้านไอทีของโลกเข้ามาลงทุนวิจัยและพัฒนา เช่น ไมโครซอฟท์ ไอบีเอ็ม อูเบะ CISCO SAP เป็นต้น

ITD รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/ 62 มีกำไรสุทธิ 21.76 ล้านบาท เทียบช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 52.36 ล้านบาท ลดลง 58% อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเหลือ 8.9% เทียบกับ 11.3% ในไตรมาสก่อน และ 10.9 % ในปีก่อน จากบริษัทย่อยในต่างประเทศบางแห่งมีอัตรากำไรที่ลดลง
  
ทั้งนี้ ไตรมาสแรกมีต้นทุนในการให้บริหารรับเหมาก่อสร้าง การขายและให้บริการ 13,904 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 1,073 ล้านบาท มีกำไรขั้นต้น 1,356 ล้านบาท ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งมีกำไรขั้นต้น 1,562 ล้านบาท

โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาสแรกของปี 2562 ที่ 8.89 % น้อยกว่างวดเดียวกันของปีที่แล้ว ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นอัตรา 10.85 % การลดลงของอัตราส่วนกำไรขั้นต้นส่วนหนึ่งเนื่องจากบริษัทย่อยในต่างประเทศบางแห่งมีอัตรากำไรลดลง
  
นอกจากนี้ ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 87 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีที่แล้วเป็นจำนวน 92 ล้านบาท การขาดทุนในงวดนี้ส่วนหนึ่งเนื่องจากการอ่อนค่าของรูเปียห์อินโดนีเซียเมื่อเทียบกับเงินบาท และการแข็งค่าของเงินยูโรและตากาบังกลาเทศเมื่อเทียบกับเงินบาท เป็นผลให้ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน