posttoday

อัพไซด์เริ่มจำกัดเมื่อจีนและสหรัฐฯ ถอนคันเร่ง

08 พฤษภาคม 2562

ตลาดหุ้นปัจจุบันได้สะท้อนข่าวดีไปมากแล้ว เหลืออัพไซด์อีกไม่มากนักในช่วงที่เหลือของปีนี้

ตลาดหุ้นปัจจุบันได้สะท้อนข่าวดีไปมากแล้ว เหลืออัพไซด์อีกไม่มากนักในช่วงที่เหลือของปีนี้

บทความโดย คมศร ประกอบผล

หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU)

***************************************************

ในบทความเดือนที่แล้ว ผมได้เขียนถึงความเสี่ยงที่เศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า แต่ยังลงท้ายว่านักลงทุนยังไม่ควรตื่นตระหนก และมองว่าตลาดหุ้นจะยังปรับขึ้นหรืออัพไซด์ อีกเล็กน้อยในช่วงไตรมาส 2 จากตัวเลขเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวตามการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน ประกอบกับนโยบายการเงินของธนาคารกลางทั่วโลกที่กลับมาผ่อนคลายมากขึ้น ซึ่งก็เป็นจริงดังที่คาดโดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจนทำจุดสูงสุดใหม่ได้สำเร็จในช่วงปลายเดือน เม.ย.

ทว่ามาถึงวันนี้ปัจจัยบวกดังกล่าวได้ถูกสะท้อนไปในราคาหุ้นค่อนข้างมากแล้ว ประกอบกับภาครัฐก็เริ่มมีท่าทีที่จะผ่อนคันเร่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจลง ซึ่งทำให้อัพไซด์ของตลาดหุ้นต่อจากนี้อาจจะเหลือไม่มากแล้ว

ก่อนหน้านี้ ในช่วงไตรมาสที่ 1 รัฐบาลจีนได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าและเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวต่อเนื่องจากปีที่แล้ว โดยผ่อนคลายนโยบายทั้งด้านการเงิน ผ่านการลดอัตราส่วนเงินสำรองของธนาคารพาณิชย์ (Reserve Requirement Ratio) และด้านการคลัง เช่น การเร่งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งทำให้รัฐบาลจีนขาดดุลงบประมาณสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์

แต่หลังจากรายงานจีดีพีของจีนในไตรมาสที่ 1 ออกมาดีกว่าคาด ผู้นำระดับสูงของจีนก็ได้ออกมาส่งสัญญาณว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นนั้นอาจไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป

โดยรายงานการประชุมผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์ของจีน (Politburo) ในเดือน เม.ย. ระบุว่าที่ประชุมมองตัวเลขเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาขยายตัวได้เป็นที่น่าพอใจ และเศรษฐกิจโดยรวมมีเสถียรภาพมากขึ้น แม้จะมองว่าปัจจัยกดดันเศรษฐกิจยังคงมีอยู่ แต่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง (Structural) มากกว่าเป็นผลจากวัฎจักรเศรษฐกิจ (Cyclical) ซึ่งไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น แต่รัฐบาลควรเร่งดำเนินการปฎิรูปเศรษฐกิจและเปิดเสรีตลาดการเงินต่อไป

ด้านตลาดอสังหาริมทรัพย์ ที่ประชุมกล่าวแนะให้รัฐบาลท้องถิ่นบริหารจัดการเพื่อป้องกันการเก็งกำไร และได้กลับมาใช้ประโยคที่ว่า “บ้านมีไว้เพื่ออยู่อาศัย ไม่ใช่เพื่อทำการเก็งกำไร” อีกครั้ง ซึ่งสะท้อนท่าทีของนโยบายภาคอสังหาฯ ที่ยังเข้มงวด

สถานการณ์ของจีนในปัจจุบันคล้ายกับในปี 2016 ที่เศรษฐกิจจีนได้ชะลอตัวลงอย่างน่ากังวลในช่วงไตรมาส 1 ก่อนจะเริ่มฟื้นตัวในไตรมาส 2 ซึ่งรัฐบาลก็เริ่มถอนมาตรการกระตุ้นในช่วงไตรมาส 2 หลังจากที่เศรษฐกิจกลับมาขยายตัวได้

ส่วนในด้านนโยบายการเงิน ช่วงต้นปีธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ได้แสดงความกังวลถึงเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และส่งสัญญาณว่าจะดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมากขึ้น ซึ่งทำให้ตลาดคาดหวังว่าจะได้เห็นเฟดกลับมาลดดอกเบี้ยในปีนี้ และเป็นปัจจัยบวกสำคัญที่ทำให้ดัชนี S&P500 สามารถทำจุดสูงสุดใหม่ได้ในเดือน เม.ย.

แต่ในการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 1 พ.ค. นาย Jerome Powell ประธานเฟดได้ดับความหวังในการลดดอกเบี้ย โดยกล่าวว่านโยบายการเงินในปัจจุบันมีความเหมาะสมและไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยนในตอนนี้

ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อที่ลดลงในช่วงที่ผ่านมาเป็นผลจากปัจจัยชั่วคราวและไม่ได้ชี้ถึงความจำเป็นที่จะต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย การส่งสัญญาณของเฟดในครั้งนี้น่าจะทำให้ตลาดต้องปรับลดความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ย และทำให้ตลาดหุ้นกลับมาเผชิญแรงกดดันในขาลงอีกครั้ง

สัญญาณการถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน ประกอบกับถ้อยแถลงของเฟดที่ย้ำชัดว่าดอกเบี้ยยังไม่มีความจำเป็นต้องลด นั้นน่าจะทำให้ตลาดหุ้น ซึ่งปัจจุบันได้สะท้อนข่าวดีไปมากแล้ว เหลืออัพไซด์อีกไม่มากนักในช่วงที่เหลือของปีนี้