posttoday

หุ้นไทยปีหมู...เหวี่ยง 300 จุด กูรูทำการบ้านรอดัชนี 1,500

07 มกราคม 2562

ดัชนีหุ้นไทยปี62จะทำจุดสูงสุดของปีที่ 1,834 จุด จุดต่ำสุดที่ 1,529 จุด หรือมีเหวี่ยงขึ้น-ลง ประมาณ 305 จุด

ดัชนีหุ้นไทยปี62จะทำจุดสูงสุดของปีที่ 1,834 จุด จุดต่ำสุดที่ 1,529 จุด หรือมีเหวี่ยงขึ้น-ลง ประมาณ 305 จุด

*****************************

โดย...ทีมหุ้นตลาดทุนโพสต์ทูเดย์

การลงทุนในตลาดหุ้นไทยปีที่ผ่านมา ให้ผลตอบแทนติดลบ 10% ทำนักลงทุนบาดเจ็บถ้วนหน้า ทั้งรายย่อย รายใหญ่ที่อยู่กับตลาดมานาน แม้แต่สถาบันอย่างกองทุนรวมก็ทำผลงานติดลบ

สำหรับปี 2562 ยังเหนื่อยกันต่อ เนื่องจากปัจจัยลบกดดันยังเป็นเรื่องเดิมๆ ที่ตามมาหลอนข้ามปี ไม่ว่าจะเป็น ข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ความไม่แน่นอนของข้อตกลงเบร็กซิต และการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เศรษฐกิจโลกอาจขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุนมองตรงกันว่า สำหรับตลาดในกลุ่มประเทศเกิดใหม่การขยายตัวของเศรษฐกิจน่าจะทำได้ดีกว่า ทำให้มีโอกาสที่กระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย (ฟันด์โฟลว์) ไหลจากตลาดที่พัฒนาแล้วเข้าสู่ตลาดเกิดใหม่

สมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการและกรรมการผู้อำนวยการ สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA) กล่าวว่า สมาคมฯ ประเมินดัชนีหุ้นไทยระยะสั้นช่วงสิ้นไตรมาสแรกอยู่ที่ 1,682 จุด เป้าหมายสิ้นปีอยู่ที่ 1,782 จุด กำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ของตลาดอยู่ที่ 115.12 บาท คาดการณ์กำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) เติบโต 7.35%

ปัจจัยที่มีผลกระทบระยะสั้นซึ่งนักลงทุนค่อนข้างให้น้ำหนัก คือ การเลือกตั้งของไทย โดยหากเลื่อนการเลือกตั้งออกไปราว 1-3 เดือน มองว่าไน่น่ามีผลกระทบมากนัก แต่ถ้าเลื่อนออกไปหลังเดือน พ.ค. 2562 จะกระทบค่อนข้างหนัก อาจทำให้นักวิเคราะห์ต้องมีการปรับสมมติฐานใหม่ทั้งหมด

แม้ปัจจัยลบภายนอกที่ยังเป็นเมฆหนาปกคลุมน่านฟ้าการลงทุนทั่วโลก แต่เปิดศักราชปีหมู บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไทยพาณิชย์ ยังเสียงหนักแน่นคงเป้าดัชนีหุ้นไทยปลายปีนี้ที่ระดับ 2,000 จุด โดยระบุว่า ปัจจัยบวกไตรมาสแรก คือ วัฏจักรการลงทุนขาขึ้น เห็นได้จากสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่เพิ่มขึ้น คาดว่าปีนี้ดอกเบี้ยนโยบายของไทย ปรับขึ้นอีก 1-3 ครั้ง คาดการณ์เศรษฐกิจขยายตัว 3.5-4% กำไร บจ. เติบโต 11% การท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว ความขัดแย้งสงครามทางการค้าสหรัฐกับจีน มีทิศทางเป็นบวกมากขึ้น

ภรณี ทองเย็น รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเชีย พลัส คาดว่า ตลาดหุ้นปี 2562 มีทิศทางที่ดีขึ้น มีการผ่อนคลายความกังวลปัญหาสงครามการค้าโลก ซึ่ง เม็ดเงินต่างชาติ จะมีโอกาสไหลกลับมาอีก 3-6 เดือนข้างหน้า หลังเงินเฟ้อสหรัฐลดลง และกลับมาใกล้เคียงกับผลตอบแทนพันธบัตรของไทย ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการเคลื่อนย้ายเม็ดเงินลงทุนจากสินทรัพย์เสี่ยงไปยังตราสารหนี้ลดลง

หุ้นไทยปีหมู...เหวี่ยง 300 จุด กูรูทำการบ้านรอดัชนี 1,500

“นิเวศน์ เหมวชิรวรากร” นักลงทุนหุ้นคุณค่า ซึ่งปีที่ผ่านมาเจ้าตัวสารภาพว่า ถือเป็นครั้งที่ 3 ในชีวิต และในรอบกว่า 20 ปี ที่พอร์ตการลงทุนติดลบ 10% สำหรับปี 2562 ยอมรับว่ายังสร้างความยากลำบากต่อเนื่อง เพราะมีปัจจัยลบมากกว่าปัจจัยบวก ทิศทางดอกเบี้ยมีแนวโน้มที่ชัดเจน ซึ่งปกติไม่ได้เป็นเรื่องดีต่อตลาดหุ้น เพราะเมื่อดอกเบี้ยขึ้นหุ้นมักจะตก การค้าขายทั่วโลกก็จะได้รับผลจากข้อพิพาททางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ ทำให้การส่งออกไม่ดี เมื่อเศรษฐกิจระดับโลกไม่ค่อยดี ย่อมส่งผลมายังเศรษฐกิจในประเทศด้วย

ขณะที่ปัจจัยในประเทศเอง ก็ต้องติดตามผลการเลือกตั้งว่าหลังจากนั้นจะมีข้อโต้แย้งหรือคนส่วนใหญ่ยอมรับหรือเคารพในกติกามากน้อยแค่ไหน ขณะที่ไทยเองก็อาจจะได้รับผลกระทบจากการท่องเที่ยวจากที่เศรษฐกิจจีนชะลอตัว แต่เรื่องการบริโภคการลงทุนน่าจะดีขึ้น เพราะไม่ว่าหน้าตารัฐบาลจะเป็นอย่างไรภาครัฐก็น่าจะกระตุ้นกำลังซื้อหรือการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน นอกจากนี้ ยังเชื่อว่าแม้ปีนี้ปัจจัยลบจะมากกว่าปัจจัยบวก แต่เม็ดเงินลงทุนในตลาดยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง เพราะคนยังต้องการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝาก

“ปัจจุบันผมถือหุ้นไทยประมาณ 5-6 บริษัท หากดัชนีใกล้ระดับ 1,500 จุด ถือเป็นจุดที่ทำการบ้านรอไว้ เพื่อเข้าไปเก็บหุ้นที่ชอบและที่คิดว่าน่าสนใจเข้าพอร์ตได้ตลอดเวลา” นิเวศน์ กล่าวทิ้งท้าย

อีกเสียงที่นักลงทุนต้องฟัง นั่นคือ นักลงทุนสถาบัน โดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง มองว่า แม้การปรับตัวลงแรงของหุ้นไทย ช่วงปลายปีที่ผ่านมา ทำให้พี/อี ปี 2562 ลดลงมาอยู่ที่ 13-14 เท่า และอาจฟื้นตัวบ้างในระยะสั้น แต่เมื่อเทียบกับการเติบโตของกำไร บจ.ที่ชะลอลง จึงอาจยังไม่ต่ำพอที่จะดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนระยะยาว เมื่อเทียบกับความเสี่ยงจากหลายด้านที่ยังมีอยู่ เช่น การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก (ซึ่งเพิ่งจะเกิดขึ้นเพียงไม่กี่เดือน และยังไม่มีสัญญาณถึงจุดต่ำสุด) การเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ ความราบรื่นของการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักรในเดือน มี.ค. รวมถึงเสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจหลังการเลือกตั้งไทย

อย่างไรก็ดี บลจ.บัวหลวง มองว่า การปรับตัวลงของตลาดหุ้น จะเป็นโอกาสให้นักลงทุนได้เข้าซื้อหุ้นได้ถ้าหากมูลค่าของกิจการเริ่มอยู่ในระดับที่น่าสนใจมากพอ จึงเชื่อว่าโอกาสการลงทุนในปีนี้จะยังคงมีอยู่ โดยต้องอาศัยความระมัดระวังในการประเมินโอกาสและความเสี่ยงของการลงทุนมากเป็นพิเศษ

จากโพลนักวิเคราะห์ และผู้จัดการกองทุน ที่มองว่า ดัชนีหุ้นไทยปีนี้จะทำจุดสูงสุดของปีที่ 1,834 จุด จุดต่ำสุดที่ 1,529 จุด หรือมีเหวี่ยงขึ้น-ลง ประมาณ 305 จุด สำหรับนักลงทุนที่จับจังหวะเป็น นั่นคือ โอกาสในการทำกำไร ได้เช่นกัน