หุ้นไทยสวนทางตลาดภูมิภาค ปิดร่วง19.89จุด

หุ้นไทยปิดที่ระดับ 1,614.99 จุด ลดลง 19.89 จุด มูลค่าการซื้อขาย 52,506.38 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบก่อนปิดช่วงบ่ายที่ระดับ 1,614.99 จุด ลดลง 19.89 จุด หรือ 1.22% มูลค่าการซื้อขาย 52,506.38 ล้านบาท โดยดัชนีฯแตะจุดสูงสุดที่ 1,642.20 จุด และแตะจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,612.91 จุด

นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงสวนทางตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ต่างอยู่ในแดนบวกกัน หลังจากที่ปัจจัยนอกประเทศดูดีขึ้น ทั้งเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน และราคาน้ำมันที่กระเตื้องขึ้น แต่สิ่งที่ทำให้นักลงทุนยังไม่กล้าเข้ามาลงทุนเป็นเพราะปัจจัยในประเทศ ทำให้นักลงทุนเลือกที่จะ Wait & See ก่อน เพื่อรอดูทิศทางการเมือง

นอกจากนี้ วันนี้ตลาดฯเผชิญแรงขายมากจากหุ้นขนาดใหญ่ นำโดยหุ้น PTTEP ที่เป็นตัวกดตลาดฯเป็นหลัก ภายหลังจากที่ชนะการประมูลแหล่งบงกช-เอราวัณ แต่ผลออกมาผิดคาด จากที่ PTTEP ได้เสนอค่าคงที่ราคาก๊าซ (Pc) ไว้ต่ำแค่ 116 บาท/ล้าน BTU ทำให้ไปกดดันหุ้น PTTEP และ PTT โดยตรง รวมถึงไปลากหุ้นตัวอื่นปรับตัวลงมาด้วย

อย่างไรก็ดี คืนนี้ให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ส่วนในประเทศให้ติดตาม 2 เหตุการณ์ที่จะมีผลต่อหุ้นหลายตัวในตลาดฯ คือ จับตาผลการประมูลรถไฟเชื่อม 3 สนามบินที่คาดว่าจะออกมาในเร็ว ๆ นี้ และติดตามแผนพัฒนาการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (PDP)

แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (14 ธ.ค.) นายมงคล กล่าวว่า ตลาดฯยังมีลุ้นรีบาวด์ได้แต่ก็คงจะแค่สั้น ๆ แล้วก็มาแกว่งไซด์เวย์ต่อไป พร้อมให้แนวรับ 1,600 จุด ส่วนแนวต้าน 1,630 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 7,630.02 ล้านบาท ปิดที่ 125.00 บาท ลดลง 9.00 บาท

PTT มูลค่าการซื้อขาย 5,154.04 ล้านบาท ปิดที่ 47.50 บาท ลดลง 1.50 บาท

ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,950.20 ล้านบาท ปิดที่ 166.50 บาท ลดลง 6.00 บาท

SCC มูลค่าการซื้อขาย 1,874.04 ล้านบาท ปิดที่ 424.00 บาท ลดลง 16.00 บาท

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,815.71 ล้านบาท ปิดที่ 188.00 บาท ลดลง 2.00 บาท