กรรมาธิการ ศก. แนะปฏิรูปรับฟินเทค
คณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านเศรษฐกิจ ซึ่งมี สถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ เป็นประธาน ได้เสนอรายงาน
โดย...กนกวรรณ บุญประเสริฐ
คณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านเศรษฐกิจ ซึ่งมี สถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ เป็นประธาน ได้เสนอรายงานต่อสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ เรื่อง “การปฏิรูประบบการรองรับนวัตกรรมทางการเงิน” หรือ ฟินเทค โดยมีแนวทางที่สำคัญ ได้แก่
การสร้าง Digital Infrastructure โดยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานGovernment Data เปิดให้ผู้มีสิทธิเข้าถึงข้อมูลของภาครัฐและนำไปใช้พัฒนานวัตกรรม เช่น ฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร ที่ดิน การปราบปรามการฟอกเงิน เป็นต้น และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน Cross-Industry Data Pool ใช้วิเคราะห์เชิงลึกข้ามอุตสาหกรรมได้ เช่น การจัดเก็บประวัติการรักษาพยาบาลของประชาชน เพื่อการรักษาระหว่างโรงพยาบาลและการคำนวณเบี้ยประกัน เป็นต้น
รวมทั้งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เป็น Common Utility เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนทางธุรกิจ มีการพัฒนา Cyber Security สำหรับ National Critical Infrastructure ให้เกิดความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ส่งเสริมการสร้างบุคลากรด้าน Cyber Security และผลักดันให้การปฏิบัติที่มีมาตรฐานทั้งในภาครัฐและเอกชน
การปรับปรุงกฎหมายและกฎระเบียบของภาครัฐด้านเทคโนโลยีทางการเงิน (ฟินเทค) การผลักดันให้การทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์มีผลตามกฎหมาย เช่น การทำ KYC การทำ Account Opening และการลงนาม Signature ในรูปแบบ Electronic กฎหมายรองรับการทำธุรกรรม Crowd Funding และ Peer to Peer Lending กฎหมาย บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (NCB) และการจัดทำ Regulatory Sandbox ช่วยผู้ให้บริการที่ยังไม่พร้อมประกอบธุรกิจสามารถทดสอบนวัตกรรมที่นำเทคโนโลยีทางการเงิน (ฟินเทค) ได้
และควรต้องมีการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาในนวัตกรรมที่สร้างขึ้นอย่างเหมาะสมและเป็นธรรม และสร้างแรงจูงใจด้านภาษี ช่วยกระตุ้นให้เกิดการทำธุรกรรมในระบบการเงินไทย เช่น ให้สิทธิทางภาษีแก่ผู้ประกอบการ ที่พัฒนาการวิจัยและใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อทำธุรกิจ
การส่งเสริมการจัดตั้ง Innovation Lab เพื่อเร่งสร้างนวัตกรรมให้เกิดขึ้น ทั้งจากภาคเอกชนในประเทศและต่างประเทศ เช่น กรณีของ MAS ในสิงคโปร์ ที่รัฐบาลสนับสนุนเงินคิดเป็น 50% ของเงินเดือนของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานใน Innovation Center เป็นต้น การดึงดูดผู้มีประสบการณ์ทางธุรกิจให้เข้าร่วมลงทุนในกิจการช่วงเริ่มต้น การสร้างศูนย์ Co-working Space เพื่อช่วยลดต้นทุนด้านสถานที่ และส่งเสริมการสร้างเครือข่ายระหว่างผู้ประกอบธุรกิจ และการพัฒนาบุคลากรด้านนวัตกรรมทางการเงิน ภายใต้หลักสูตรต่างๆ
สำหรับข้อเสนอเชิงนโยบาย ได้แก่ การมีกฎหมายที่มีความสมดุลระหว่างการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกับการส่งเสริมให้เกิดระบบนิเวศที่เอื้อต่อการพัฒนานวัตกรรมทางการเงิน การประสานความร่วมมือของหน่วยงานกำกับดูแลเพื่อขับเคลื่อนนโยบายร่วมกันทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เพื่อส่งเสริมแก้ไขอุปสรรคในการพัฒนา
รวมทั้งมีการสร้าง Cyber Security ตามมาตรฐาน ISO 27001 และการให้บริการภาครัฐในรูปแบบดิจิทัล เพื่อลดการใช้กระดาษ รวมถึงการให้ส่งต่อข้อมูลในรูปแบบดิจิทัลภาครัฐที่น่าเชื่อถือระหว่างกันได้ การกำหนดเป้าหมายและวัดผลสัมฤทธิ์ของการปฏิรูประบบเพื่อรองรับนวัตกรรมทางการเงิน โดยวัดจากประชาชนสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงินและใช้บริการทางการเงินขั้นพื้นฐานในต้นทุนที่เหมาะสม