posttoday

ดีบีเอสมองหุ้นไทยสดใส เพิ่มน้ำหนักลงทุน ให้เป้า1,480จุด

14 มีนาคม 2559

ดีบีเอสมองตลาดหุ้นเอเชียสดใส เพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้น มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย เป้าหมาย 12 เดือนข้างหน้า 1,480 จุด

ดีบีเอสมองตลาดหุ้นเอเชียสดใส เพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้น มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย เป้าหมาย 12 เดือนข้างหน้า 1,480 จุด

น.ส.อาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ดีบีเอสกรุ๊ปมีมุมมองว่าในระยะสั้นตลาดหุ้นเอเชียได้รับอานิสงส์จากกระแสเงินทุนที่จะไหลเข้าเพราะการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบของยุโรปและญี่ปุ่น ขณะที่เศรษฐกิจเอเชียโตดีและค่อนข้างมีเสถียรภาพ แม้ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนและราคาน้ำมันดิบจะยังคงมีอยู่ แต่ในบางช่วงก็เปิดโอกาสให้มีการเข้าซื้อขายเก็งกำไรหุ้นเป็นรอบได้เช่นกัน

ทั้งนี้ จึงให้น้ำหนักการลงทุนมากกว่าตลาดในตลาดหุ้นไทย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ พร้อมให้น้ำหนักปกติในตลาดหุ้นสิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฮ่องกง จีน เกาหลีใต้ ส่วนตลาดหุ้นไต้หวันและอินเดียให้น้ำหนักน้อยกว่าตลาด

น.ส.อาภาภรณ์ กล่าวว่า ให้เป้าหมายดัชนีหุ้นไทยระยะ 12 เดือนข้างหน้าไว้ที่ 1,480 จุด ปัจจัยสนับสนุนคือการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบทำให้ผลประกอบการกลุ่มพลังงานเติบโตอย่างแข็งแกร่งมากในปี 2559 จากฐานกำไรที่ต่ำมากในปีก่อน ทั้งนี้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ของหุ้นกลุ่มพลังงานคิดเป็น 20% ของมาร์เก็ตแคปของ SET50 ส่วนกำไรของบริษัทโดยรวมเติบโต 30% หากไม่รวมกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี และขนส่ง กำไรสุทธิจะขยายตัว 9% นับว่าแข็งแกร่งมาก แนะนำซื้อบริษัท เมืองไทย ลิสซิ่ง (MTLS) ให้ราคาพื้นฐาน 32 บาท คาดว่ากำไรสุทธิปี 2559-2560 จะเติบโต 41% และ 39%

ขณะที่ปัญหาภัยแล้งกดดันเศรษฐกิจไทยปี 2559 แต่ก็เป็นโอกาสของบางอุตสาหกรรม เช่น ธุรกิจรับจำนำในยามที่รายได้ตกแต่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน แต่ส่งผลกระทบต่อบริษัทที่มีรายได้อิงกับความต้องการในต่างจังหวัด

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทนในไตรมาส 2 ดีบีเอสมีมุมมองที่เป็นบวก โดยประเมินว่าราคาน้ำมันจะมีเสถียรภาพมากขึ้น ความวิตกกังวลเรื่องเศรษฐกิจโลกชะลอตัวน้อยลง เพราะประเทศชั้นนำมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมและเป็นรูปธรรม ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่เร่งรีบปรับขึ้นดอกเบี้ย จีนก็จะใช้การลงทุนกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจให้มากขึ้น ดังนั้นจึงมีกลยุทธ์เลือกลงทุนในบริษัทที่มีคุณภาพดีให้ปันผลที่สม่ำเสมอและต่อเนื่อง รวมทั้งมูลค่าหุ้นที่ไม่แพง

ด้านตลาดหุ้นโลก วันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา ปรับตัวขึ้นแรงหลายตลาด หลังจากธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) อัดฉีดยาแรงเกินคาดในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ดัชนีดาวโจนส์บวกถึง 1.28% ดัชนีหุ้นไทยพุ่ง 1.04% หรือ 14.35 จุด ปิดที่ 1,394.41 จุด และคาดว่าสัปดาห์นี้มีโอกาสขึ้นไปทดสอบ 1,400 จุด

ขณะที่มีแรงขายทองคำร่วงลงแรง 22.80 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ หรือ 1.79% ปิดที่ 1,249.45 เหรียญสหรัฐ กดราคาขายในประเทศลดลงบาทละ 300 บาท ทองคำแท่งรับซื้อ 20,700 บาท ขายออก 20,800 บาท ในวันที่ 12 มี.ค. 2559 และราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง เบรนต์ทะลุ 40 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลแล้ว