posttoday

หุ้นบวกแรง 9.06 จุด ตามต่างประเทศ

29 ตุลาคม 2557

ดัชนีหุ้นไทยปิดภาคเช้า บวก9.06จุด หรือ0.58% ที่1,565.59จุด มูลค่าซื้อขาย24,130.40ล้านบาท

ดัชนีหุ้นไทยปิดภาคเช้า บวก9.06จุด หรือ0.58% ที่1,565.59จุด มูลค่าซื้อขาย24,130.40ล้านบาท

ตลาดหุ้นไทย วันที่ 29 ต.ค.ในช่วงเช้า สดใส เช่นเดียวกับตลาดต่างประเทศ และมีแรงซื้อหุ้นจากกองทุนในประเทศ สนับสนุนให้ดัชนีปิดที่ระดับ 1,565.59 จุด +9.06จุด หรือ0.58%  มูลค่าซื้อขาย24,130.40ล้านบาท

หุ้นที่มีการซื้อขาย 5 อันดับแรก ได้แก่

TRUE     มูลค่าการซื้อขาย   1,146.92 ล้านบาท ปิดที่   11.40 บาท ลดลง   0.10 บาท
IEC      มูลค่าการซื้อขาย   1,096.14 ล้านบาท ปิดที่    0.07 บาท ลดลง   0.02 บาท
BMCL     มูลค่าการซื้อขาย     994.18 ล้านบาท ปิดที่    1.92 บาท ลดลง   0.02 บาท
BBL      มูลค่าการซื้อขาย     791.39 ล้านบาท ปิดที่  196.00 บาท เพิ่มขึ้น  0.50 บาท
INTUCH   มูลค่าการซื้อขาย     759.85 ล้านบาท ปิดที่   74.25 บาท เพิ่มขึ้น  0.75 บาท

นายณัฐชาติ เมฆมาสิน ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า หุ้นไทยบวกตามตลาดต่างประเทศหลังจากดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 17,001.60 จุด เพิ่มขึ้น 183.66 จุดหรือ 1.09% ขานรับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.ของสหรัฐที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี รวมถึงแรงซื้อจากกองทุนทริกเกอร์ฟันด์ แม้ว่าตลาดจะรอผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในคืนนี้ คาดว่าจะไม่มีผลต่อตลาดโดยรวมเพราะรับรู้ในราคาแล้วว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินจะประกาศยุติโครงการซื้อพันธบัตรหรือคิวอีตามที่ได้วางแผนไว้ คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม

“รอบนี้ ตลาดหุ้นคงไม่ลงไปถึงระดับ 1500 จุดอย่างที่คาดการณ์อีกแล้ว เนื่องจากมีแรงซื้อจากกองทุนในประเทศ ทั้งกองทุนทริกเกอร์ และกองทุนในส่วนของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว(LTF) และกองทุนรวมสำรองเลี้ยงชีพ(RMF) ที่คาดว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนประมาณ 3 หมื่นล้านบาทที่จะเข้ามาลงทุนในช่วงที่เหลือของปีนี้” นายณัฐชาติกล่าว

ขณะเดียวกันแรงขายของนักลงทุนต่างชาติที่ออกมาวันละ 1,000-2,000 ล้านบาทในช่วงนี้ แต่พบว่าเมื่อวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา ต่างชาติกลับมีแรงซื้อในตลาดอนุพนธ์มากถึง 7,500 ล้านบาท นับว่าสูงที่สุดตั้งแต่เดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา สะท้อนถึงมุมมองตลาดที่ดีในอนาคต

สำหรับกลยุทธ์การเลือกซื้อหุ้นในช่วงนี้ แนะนำหุ้นขนาดใหญ่ที่ราคาหุ้นปรับตัวลงมามากและแนวโน้มผลการดำเนินงานจะดีขึ้นในปี 2558 อาทิ กลุ่มสื่อสารที่จะได้ประโยชน์จากนโยบาย ดิจิตอล อิโคโนมิก และกลุ่มพลังงาน เช่น บริษัทปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม(PTTEP) และบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC)