"ไอร่า"เร่งเพิ่มมหามิตรตั้งเป้าท็อปไฟว์

AIRA ร่วมทุนยักษ์ญี่ปุ่นไอฟุล ปล่อยสินเชื่อบุคคลปีนี้ จ่อร่วมทุน ซื้อกิจการเพิ่ม เร่งโตเร็วกว่าแผน

นางนลินี งามเศรษฐมาศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอร่า แคปปิตอล (AIRA) เปิดเผยว่า บริษัทลงนามในบันทึกข้อตกลงร่วมเป็นพันธมิตรกับบริษัท ไอฟุล คอร์ปอเรชั่น ในการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อดำเนินธุรกิจปล่อยสินเชื่อบุคคลภายในปี 2557

ทั้งนี้ ไอฟุลเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 4 ของผู้ประกอบการด้านสินเชื่อส่วนบุคคลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ดำเนินธุรกิจมายาวนานกว่า 47 ปี และมีสาขาที่ให้บริการครอบคลุมทั่วญี่ปุ่นมากกว่า 750 สาขา มีสินทรัพย์รวมประมาณ 1.80 แสนล้านบาท เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียวในปี 2543 และวันที่ 4 ก.ย. 2557 มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) จำนวน 67,220 ล้านบาท

สำหรับการร่วมทุนในครั้งนี้ AIRA จะได้ประโยชน์คือแผนธุรกิจ 5 ปีที่ตั้ง เป้าหมายสินทรัพย์ที่ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท จากปัจจุบันที่ประมาณ 5,300 ล้านบาท จะใช้เวลาลดลงจาก 5 ปีเหลือภายใน 3 ปี รวมถึงช่วยให้ AIRA เป็นผู้ประกอบธุรกิจทางการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ (นันแบงก์) ติดอันดับ 1 ใน 5 ของประเทศไทยในด้านสินทรัพย์

นอกจากนี้ ยังส่งผลให้การดำเนินธุรกิจของ AIRA มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น รวมถึงช่วยถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีในการทำธุรกิจจากไอฟุล

นายไพโรจน์ เหลืองเถลิงพงษ์ กรรมการฝ่ายการลงทุน AIRA กล่าวว่า บริษัทมีกลยุทธ์สำคัญในการร่วมทุนกับพันธมิตรหรือการเข้าซื้อกิจการ เพื่อขยายการลงทุนสู่ธุรกิจด้านการเงินเป็นหลักเพื่อให้สินทรัพย์ของบริษัทเติบโตได้ตาม เป้าหมายที่วางไว้

ปัจจุบันระหว่างการเจรจากับพันธมิตรต่างประเทศทั้งการร่วมทุนและซื้อกิจการเพิ่มอีก 3 ดีล โดยยังอยู่ในกลุ่มธุรกิจการเงิน ประกอบไปด้วย ธุรกิจประกัน สินเชื่อเช่าซื้อ และการบริหารสินทรัพย์ ซึ่งน่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้อีก 1 ดีล

"กลุยทธ์หลักที่จะให้สินทรัพย์เติบโตได้เร็วคือการร่วมทุนหรือการซื้อกิจการ แล้วอาจร่วมกันไปซื้อกิจการต่อยอดธุรกิจก็ได้" นายไพโรจน์ กล่าว

นายโยชิทากะ ฟูกุดะ ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอฟุล คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า การร่วมทุนกับไอร่าเป็นการออกมาขยายธุรกิจในต่างประเทศครั้งแรกของบริษัท

สำหรับเหตุผลในการเลือกบริษัท ไอร่าฯ เพราะเป็นผู้นำและมีความ เชี่ยวชาญในธุรกิจการเงินในประเทศไทย รวมถึงมีเครือข่ายทางธุรกิจและฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง พร้อมมองเห็นถึงศักยภาพในการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทย รวมถึงความต้องการใช้สินเชื่อส่วนบุคคลที่มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง