ศาลออกหมายจับบิ๊ก"มิลล์คอน"หนีไปนอก

ศาลอาญาธนบุรีออกหมายจับสิทธิชัย ผู้บริหาร มิลล์คอน หลังหนีไปต่างประเทศและคดีใกล้หมดอายุความ10ส.ค.นี้

ศาลอาญาธนบุรี ออกหมายจับ นายสิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ และผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัท มิลล์คอน สตีล (MILL) ซึ่งมีนายวิษณุ เครืองาม (อดีตรองนายกรัฐมนตรี) เป็นประธานกรรมการ เมื่อวันที่ 29 ก.ค.57 ตามคำร้องของพนักงานสอบสวนสน.ท่าข้าม ในคดีที่อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา4 มีความเห็นควรสั่งฟ้อง บมจ.มิลล์คอนฯ และนายสิทธิชัยฯ ในฐานะส่วนตัว ข้อหาร่วมกันรับของโจร แต่ผู้ต้องหาไม่มาตามหมายเรียก  และคดีนี้จะหมดอายุความในวันที่ 10 ส.ค. 2557 และปัจจุบันนายสิทธิชัยยังคงหลบหนีอยู่ที่ประเทศเพื่อนบ้านเพื่อรอวันหมดอายุความ

คดีดังกล่าวเกิดขึ้นจากในอดีตที่นายวิบูลย์ นันทการัตน์ ผู้ถือหุ้นของบริษัท เอ็น ที เอส สตีล อินดัสตรีย์ จำกัด ได้กล่าวหา นายสมภพ ลีสวัสดิ์ตระกูล (บิดานายสิทธิชัย) ซึ่งเป็นกรรมการของบริษัทในขณะนั้น กับพวกรวม 3 คน  เป็นผู้ต้องหาข้อหายักยอก และร่วมกันรับของโจร ฐานเบียดบังเอาที่ดินของบริษัท โฉนดเลขที่ 129862 ไปขายฝากให้กับนายภัทร โภคินวงศ์ แล้วไม่ไปไถ่ถอนภายในกำหนด โดยไม่ได้แจ้งเรื่องดังกล่าวให้แก่กรรมการและผู้ถือหุ้นของบริษัทได้พิจารณาและให้ความยินยอม นายวิบูลย์ฯ จึงแจ้งให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับนายสมภพฯ ฐานยักยอกทรัพย์

ต่อมาทรัพย์ดังกล่าว ได้ตกมาอยู่ในครอบครองของบริษัท สตีลน็อค จำกัด (ปัจจุบันคือบริษัท มิลล์คอน สตีล) ซึ่งมีนายสิทธิชัยฯเป็นประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ ผู้ถือหุ้นใหญ่ นายวิบูลย์ฯจึงได้แจ้งให้พนักงานสอบสวน ดำเนินคดีกับ บมจ.มิลล์คอนฯ และดำเนินคดีอาญากับนายสิทธิชัยฯ ในฐานะส่วนตัว ข้อหาร่วมกันรับของโจร

ด้าน นางพัฒน์นรี ฐิติอริยกุล กรรมการ บริษัท มิลล์คอน สตีล ชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์ว่า ตามที่มีข่าวปรากฏในเว็บไซต์โพสต์ทูเดย์นั้น ทางบริษัท มิลล์คอน สตีล  ขอเรียน ชี้แจงว่า เหตุการณ์ตามเนื้อข่าวที่ปรากฏไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เนื่องจากบริษัทได้ทำการซื้อสินทรัพย์จาก บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) มาอย่างถูกต้องตามกฏหมายทุกประการ

โดยในปี พ.ศ. 2547 บริษัทได้ดำเนินการเพิ่มทุน และเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง มาเพื่อขยายกิจการโดยดำเนินการผลิตเหล็กเส้นกลมและเหล็กเส้นข้ออ้อย ทั้งนี้บริษัทได้มีการซื้อที่ดิน ซึ่งมีพื้นที่รวมกว่า 77 ไร่ ซึ่งรวมถึงที่ดินตาม โฉนดเลขที่ 129862 ที่ถูกกล่าวถึงในเนื้อหาข่าวดังกล่าวนั้น บริษัทซื้อ ทรัพย์สินทั้งหมดผ่านการประมูลทางอินเทอร์เน็ตจาก บสท. ซึ่งเป็นกระบวนที่ซื้่อขายถูกต้องตามกฏหมายทุกประการ

ทั้งนี้บริษัทได้มอบหมายให้ ทนายความ และปรึกษาทางกฏหมายของบริษัทฯ ดำเนินการทางกฎหมายต่อไป