'สมศักดิ์ ลีสวัสดิ์ตระกูล'แก้จีสตีลเลิกยุ่ง5ปี
บริษัท จี สตีล (G Steel) และบริษัทย่อยทั้งหมด รวมถึงบริษัท จี เจ สตีล(GJS) แจ้งข้อตกลงระหว่างผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท จีสตีล และ จีเจสตีลกับ ผู้บริหารใหม่ของ จีสตีลว่า กรณีที่มียอดคงค้างของลูกหนี้การค้าทั้งของ จีสตีล และ จีเจสตีล รวมเป็นจำนวน ทั้งสิ้น 2,056 ล้านบาท ณ วันที่ 31 ธ.ค.2552ที่ผ่านมานั้น วันนี้(18 พ.ค.)กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ ของทั้งสองบริษัทยินยอมค้ำประกันเป็นการส่วนตัวเพื่อเป็นประโยชน์กับ G Steel และ GJS เป็นระยะเวลา3ปี ทั้งนี้ผู้ถือหุ้นใหญ่และผ้บริหารของจีสตีลคือกลุ่มของนายสมศักดิ์ ลีสวัสดิ์ตระกูล นอกจากนี้ เพื่อที่ช่วยให้การปรับโครงสร้างเงินทุนของ G Steel และ GJS เสร็จสมบูรณ์ ผู้ถือหุ้น รายใหญ่ตกลงที่จะยินยอมให้ผู้บริหารใหม่เข้าทำการบริหารงานของบริษัท และจะไม่เข้ามาเกี่ยวข้องกับการดำเนินงานในแต่ละวันของ G Steel และ GJS เป็นระยะเวลา 5 ปี "ข้อตกลงนี้จะเป็นการเอื้อให้เกิดประโยชน์ต่อบริษัทอย่างมากในการสร้างมูลค่าเพิ่มต่อส่วนของผู้ถือหุ้นสำหรับผู้ถือหุ้นทั้งหมดและเป็นผลเชิงบวกในการอำนวยประโยชน์ต่อความสำเร็จในการปรับโครงสร้างเงินทุนของบริษัท" ด้านผลการดำเนินงานบริษัทจีสตีล
บริษัท จี สตีล (G Steel) และบริษัทย่อยทั้งหมด รวมถึงบริษัท จี เจ สตีล(GJS) แจ้งข้อตกลงระหว่างผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท จีสตีล และ จีเจสตีลกับ ผู้บริหารใหม่ของ จีสตีลว่า กรณีที่มียอดคงค้างของลูกหนี้การค้าทั้งของ จีสตีล และ จีเจสตีล รวมเป็นจำนวน ทั้งสิ้น 2,056 ล้านบาท ณ วันที่ 31 ธ.ค.2552ที่ผ่านมานั้น วันนี้(18 พ.ค.)กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ ของทั้งสองบริษัทยินยอมค้ำประกันเป็นการส่วนตัวเพื่อเป็นประโยชน์กับ G Steel และ GJS เป็นระยะเวลา3ปี ทั้งนี้ผู้ถือหุ้นใหญ่และผ้บริหารของจีสตีลคือกลุ่มของนายสมศักดิ์ ลีสวัสดิ์ตระกูล
นอกจากนี้ เพื่อที่ช่วยให้การปรับโครงสร้างเงินทุนของ G Steel และ GJS เสร็จสมบูรณ์ ผู้ถือหุ้น รายใหญ่ตกลงที่จะยินยอมให้ผู้บริหารใหม่เข้าทำการบริหารงานของบริษัท และจะไม่เข้ามาเกี่ยวข้องกับการดำเนินงานในแต่ละวันของ G Steel และ GJS เป็นระยะเวลา 5 ปี
"ข้อตกลงนี้จะเป็นการเอื้อให้เกิดประโยชน์ต่อบริษัทอย่างมากในการสร้างมูลค่าเพิ่มต่อส่วนของผู้ถือหุ้นสำหรับผู้ถือหุ้นทั้งหมดและเป็นผลเชิงบวกในการอำนวยประโยชน์ต่อความสำเร็จในการปรับโครงสร้างเงินทุนของบริษัท"
ด้านผลการดำเนินงานบริษัทจีสตีลงวด 3 เดือนแรกของปีนี้ ขาดทุนสุทธิ 5,196 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุนหุ้นละ 038 บาท เพิ่มขึ้นกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน ขาดทุนสุทธิ 4,754.69 ล้านบาทหรือ 0.35 บาท แต่ผู้สอบบัญชี ไม่สามารถให้ความเชื่อมั่นต่องบการเงินของบริษัท ทำให้ตัวเลขผลการดำเนินงานและฐานะการเงินของบริษัทที่ปรากฏในงบการเงินอาจไม่แสดงค่าที่แท้จริงของกิจการ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อาจสั่งการให้บริษัทแก้ไขงบการเงินได้ ดังนั้นตลาดหลักทรัพย์จึงสั่งห้ามการซื้อขายหุ้นจีสตีลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนทั่วไปมีเวลาในการพิจารณารายงานของผู้สอบบัญชีประกอบกับตัวเลขในงบการเงินและหมายเหตุประกอบงบการเงินอย่างระมัดระวัง