นักลงทุนหวั่นการเมืองไทยแห่ลงทุนหุ้นนอก

บล.ไทยพาณิชย์เผยมีนักลงทุนเปิดพอร์ตลงทุนหุ้นต่างประเทศเพิ่ม 10 เท่าในเวลาไม่ถึง 2 เดือน กระจายความเสี่ยงจากปัญหาการเมืองไทย

นายวีรเวท วงษ์กิจบัญชา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายธุรกิจหลักทรัพย์ต่างประเทศ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในเดือนกุมภาพันธ์มีมูลค่ารวมพอร์ตธุรกิจหลักทรัพย์ต่างประเทศอยู่ที่ 10 ล้านบาท จากสิ้นปี 2556 ที่มีเพียง 1 ล้านบาท ขยายตัวถึง 10 เท่า เนื่องจากนักลงทุนต้องการกระจายความเสี่ยงจากหุ้นไทยที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมืองไทยที่มีแนวโน้มยืดเยื้อ จนส่งผลกระทบกับภาพรวมเศรษฐกิจในปีนี้อาจชะลอตัวลงต่อเนื่อง และทำให้มูลค่าพอร์ตการลงทุนลดลง

นอกจากนี้ การลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ เป็นช่องทางและโอกาสการลงทุนที่จะได้รับผลตอบแทนที่มากขึ้น โดยเฉพาะตลาดหุ้นยุโรปที่น่าจะได้ผลตอบแทนสูงกว่า 10% ขณะที่ ตลาดอเมริกาซึ่งได้อานิสงส์จากเศรษฐกิจฟื้นตัว และเป็นโอกาสลงทุนในบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับโลก เช่น แอปเปิล เฟซบุ๊ก ซัมซุง โตโยต้า เคเอฟซี แมคโดนัลด์ พราดา ซารา และสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

อย่างไรก็ตาม บุคคลธรรมดาที่ต้องการลงทุนในต่างประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนดให้ลงทุนได้สูงสุดไม่เกิน 5 แสนเหรียญสหรัฐ และขออนุญาต ธปท. ขยายเพดานการลงทุนเป็นรายบุคคลได้ แต่นักลงทุนจะต้องรับความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนผันผวนได้ ซึ่งที่ผ่านมานักลงทุนกังวลเรื่องความผันผวนค่าเงินบ้าง จึงมีการซื้อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้าไว้

นายวีรเวท กล่าวว่า แนวโน้มจำนวนนักลงทุนที่จะนำเงินไปลงทุนในหุ้นต่างประเทศจะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ตั้งเป้าพอร์ตธุรกิจหลักทรัพย์ต่างประเทศปีนี้ไว้ที่ 100-200 ล้านบาท หรือมีนักลงทุนเปิดบัญชีลงทุนปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 250-300 บัญชี จากปัจจุบันที่มีอยู่ที่ 60-70 บัญชี และบล.ไทยพาณิชย์ ตั้งเป้าหมายติด 1 ใน 3 โบรกเกอร์ชั้นนำด้านการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ ภายในเวลา 3 ปี