posttoday

หุ้นร่วงทั่วเอเชียหวั่นกู้ยูโรไม่ทัน

12 พฤษภาคม 2553

หุ้นขึ้นให้ดีใจแผล็บเดียว ปิดแดงทั่วเอเชีย ต่างชาติทิ้งไทยอีกเฉียด 3,000 ล้าน หวั่นวิกฤตกรีซกู้ไม่ได้ กดเงินบาทกลับมาอ่อนตามยูโร บิ๊กอิเล็กทรอนิกส์ยันกำไรดี

หุ้นขึ้นให้ดีใจแผล็บเดียว ปิดแดงทั่วเอเชีย ต่างชาติทิ้งไทยอีกเฉียด 3,000 ล้าน หวั่นวิกฤตกรีซกู้ไม่ได้ กดเงินบาทกลับมาอ่อนตามยูโร บิ๊กอิเล็กทรอนิกส์ยันกำไรดี

ตลาดหุ้นแดงเถือกทั่วเอเชีย สวนทางดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นกว่า 400 จุด และราคาน้ำมันในตลาดโลกพลิกมาขึ้นรับข่าวดีมาตรการช่วยเหลือกรีซ ขณะที่ตลาดหุ้นไทยเปิดด้วยความสดใส มีแรงซื้อหุ้นไล่ดัชนีขึ้นไปถึง 10 จุด แต่กลับมาปิดที่จุดต่ำสุดของวัน 772.09 จุด ติดลบ 6.97 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 26,257 ล้านบาท เพราะนักลงทุนต่างชาติยังขายหุ้นออกมาอีก 2,974 ล้านบาท แม้มีข่าวดีว่าการชุมนุมของม็อบเสื้อแดงจะยุติลงภายในเร็วๆ นี้ และส่งผลให้หุ้นโรงแรมบริเวณราชประสงค์ดีขึ้น เช่น บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT)

สำหรับค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่าเล็กน้อย ปิดตลาดที่ 32.33/35 บาท/เหรียญสหรัฐ ซึ่งเคลื่อนไหวตามค่าเงินยูโร และราคาทองคำก็พลิกมาเพิ่มขึ้นอีกบาทละ 250 บาท โดยรับซื้อทองคำแท่งที่ 1.83 หมื่นบาท และขายออก 1.84 หมื่นบาท หลังจากวันก่อนอ่อนตัวลง 150 บาท

นายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ภัทร เปิดเผยว่า ตอนนี้ยังประเมินได้ยากถึงผลกระทบจากวิกฤตการเงินในกรีซและโซนยุโรป แต่เชื่อว่าเม็ดเงินต่างชาติที่ขายหุ้นออกไปเพราะปัญหาการเมือง จะกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง

นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น ส่วนวิกฤตการเงินกรีซเชื่อว่าไทยไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง เพราะไม่มีธนาคารพาณิชย์และบริษัทจดทะเบียนไทยไปทำธุรกรรมโดยตรงกับประเทศกรีซ เพียงแต่มีผลเชิงจิตวิทยาหากเศรษฐกิจโลกมีปัญหา เช่น การส่งออก

นายธวัชชัย อัศวพรไชย ผู้อำนวยการวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า หุ้นยังมีทิศทางขาลง เพราะปัจจัยทั้งในและต่างประเทศไม่มีทางออกที่เป็นรูปธรรม ทำให้นักลงทุนไม่เชื่อมั่นในการลงทุน

“มาตรการช่วยเหลือกรีซ นักลงทุนตอบรับเพียงระยะสั้น เป็นเพราะวานนี้เงินยูโรยังอ่อนค่าลงต่อเนื่อง ซึ่งแสดงถึงเงินยูโรยังไม่มีเสถียรภาพที่เพียงพอ” นายธวัชชัย กล่าว

สำหรับแนวโน้มวันที่ 12 พ.ค.นี้ ต้องลุ้นว่าดัชนีจะหลุดกรอบแนวรับสำคัญที่ 767-770 จุด หรือไม่ หากยืนไม่ได้ดัชนีจะไหลลึกไปถึง 750 จุดได้ ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 790 จุด

ขณะที่ผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในย่านราชประสงค์ บริษัทที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากวิกฤตกรีซ ปรากฏว่าไตรมาสแรกยังออกมาดีหลายแห่ง เช่น MINT มีกำไรสุทธิ 600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 400 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันปีก่อน

นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) กล่าวว่า ในปี 2553 บริษัทตั้งเป้ามีรายได้เติบโต 8% จากการให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส แม้ว่าในไตรมาสแรกนี้ (เม.ย.-มิ.ย.) ต้องปิด|ให้บริการ 4 ชั่วโมงต่อวัน ทำให้รายได้|หายไปประมาณ 1 ล้านบาทต่อวัน

สำหรับกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ก็ยังมีแนวโน้มสดใส โดยนายเฮนรี เชลลี ประธานบริษัท เดลต้า อิเลคโทรนิคส์ (DELTA) กล่าวว่า ปีนี้บริษัทยังเชื่อว่า|เป้าหมายรายได้ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโต 30% จากปี 2552 ที่ตั้งไว้ ยังสามารถไปถึงได้ เพราะในงบได้คาดการณ์วิกฤตในยุโรปแล้ว โดยมีสัดส่วนรายได้เพียง 30% ซึ่งจะส่งผลกระทบในครึ่งหลังเป็นต้นไป แต่บริษัทมีผลิตภัณฑ์ใหม่มาชดเชย

ขณะที่บริษัท สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (SMT) ประกาศกำไรสุทธิไตรมาสแรกสูงถึง 102 ล้านบาท เติบโต 410% จึงปรับเป้าหมายกำไรสุทธิปีนี้เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 267 ล้านบาท กว่า 60% จากเป้าหมายเดิมจะเติบโต 40%