posttoday

มาฝากเงินคู่ประกันชีวิตดีกว่า

12 พฤศจิกายน 2555

หากเปลี่ยนมุมมองใหม่ในการหาดอกเบี้ยสูงมาสู่เรื่องความคุ้มค่าในการออมเงินน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ออมเงินยุคใหม่

โดย...ธนาคารเกียรตินาคิน [email protected]

มาฝากเงินคู่ประกันชีวิตดีกว่า ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ

ในช่วงที่ดอกเบี้ยต่ำอย่างปัจจุบัน และมีแนวโน้มที่จะต่ำต่อไปอีก หลายคนมองหาการออมเงินอื่นที่ให้ผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น แต่สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการรับความเสี่ยงจากการลงทุนก็จะมองหาสถาบันการเงินที่ให้ดอกเบี้ยสูง

แต่หากเราเปลี่ยนมุมมองใหม่ในการหาดอกเบี้ยสูงมาสู่เรื่องความคุ้มค่าในการออมเงินน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ออมเงินยุคใหม่ เช่น การฝากเงินควบคู่ไปกับการซื้อกรมธรรม์ประกันชีวิตสะสมทรัพย์ที่มีนำเสนอกันอย่างต่อเนื่อง

ตัวอย่างเช่น KK Smart Pack ของธนาคารเกียรตินาคิน ซึ่งเป็นเงินฝากประจำ 8 เดือน ดอกเบี้ย 8% ต่อปี คู่กับการซื้อประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ เพื่อตอบโจทย์สำหรับคนที่ต้องการความคุ้มค่า และเป็นช่องทางการออมเงินที่มาพร้อมการป้องกันความเสี่ยง เรียกว่าเป็นการลงทุนแบบ 2 in 1 ก็ว่าได้ กล่าวคือ

ในเงินฝากประจำ 8 เดือน จำนวน 1 แสนบาท เมื่อครบกำหนด 8 เดือน จะได้ดอกเบี้ยเงินฝากประมาณ 5,333 บาท (8% ต่อปี ระยะเวลา 8 เดือน ดอกเบี้ยเท่ากับ 8%*100,000*8/12 = 5,333 บาท) ภายใต้เงื่อนไขของเงินฝากดังกล่าว ต้องทำประกันชีวิต KK Smart Life (15/7) คือส่งเบี้ยประกัน 7 ปี คุ้มครอง 15 ปี โดยทุนประกันที่ซื้อจะต้องเท่ากับจำนวนเงินที่ฝาก เช่น ฝากเงิน 1 แสนบาท ต้องซื้อประกันชีวิตที่ทุนประกัน 100,000 บาท โดยเบี้ยประกันต่อปีที่ต้องส่งเพียง 98,500 บาทต่อทุนประกัน 1 แสนบาทเป็นระยะเวลา 7 ปี โดยผลประโยชน์ที่จะได้ใน ดังนี้

1. ดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 8% ต่อปี หรือ 5,333 บาท

2. เบี้ยประกันที่ชำระในแต่ละปีสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 7 ปี (สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี)

3. ทุกทุนประกันที่ 100,000 บาท เบี้ยประกันที่ชำระจะถูกกว่าทุนประกัน 1,500 บาท เท่ากับการันตีการเติบโตของเงินออมทันทีที่ซื้อด้วยผลตอบแทนที่เกิดขึ้น 1.52%

4. ความคุ้มครองที่เพิ่มขึ้นปีละ 100% ของทุนประกันตลอดระยะเวลาที่ชำระเบี้ยประกัน ตัวอย่างเช่น หากซื้อทุนประกันที่ 100,000 บาท ปีที่ 1 ความคุ้มครองจะอยู่ที่ 100,000 บาท ปีที่ 2 ความคุ้มครองจะอยู่ที่ 200,000 บาท ปีที่ 3 ความคุ้มครองจะอยู่ที่ 300,000 บาท เพิ่มเรื่อยๆ จนถึงปีที่ 7 ความคุ้มครองจะอยู่ที่ 700,000 บาท และจะคงที่ไปจนถึงปีที่ 15

5. เงินคืนรายงวดอย่างต่ำ 5% ของทุนประกันเมื่อคุณส่งไปถึงปีที่ 8 เงินคืนจะขยับขึ้นมาเป็น 8% หรือ 8,000 บาท จนถึงปีที่ 10 กระทั่งเข้าสู่ปีที่ 11 จะเพิ่มขึ้นเป็น 16% หรือ 16,000 และจะเพิมขึ้นอย่างต่อเนื่องถึง 22% ในปีที่ 14 และปีสุดท้ายจะได้รับเงินคืนทั้งหมด 725,000 บาท หากรวมผลประโยชน์ทั้งหมดประมาณ 866,000 บาท (ยังไม่รวมกับการลดหย่อนภาษี) เทียบกับจำนวนเบี้ยทั้งหมดที่คุณชำระตลอดโครงการ 689,500 บาท เท่ากับมีผลตอบแทนจากกรมธรรม์ประกันชีวิตนี้ 176,500 บาท

นั่นหมายความว่าในบั้นปลายชีวิตของคุณจะมีเงินออมไม่ต่ำกว่า 9 แสนบาท (รวมการลดหย่อนภาษี) ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ไม่น้อยและคุ้มค่ากับการลงทุน ถือเป็นการลงทุนระยะยาวเพื่อเตรียมเอาไว้เป็น “เสบียง” หลังเกษียณ และยิ่งออมตั้งแต่อายุ 35 ปี เมื่อคุณอายุ 50 ปี อาจจะค้นพบกับอิสรภาพทางการเงินก่อนวัยเกษียณก็ได้ นั่นหมายความว่าคุณจะมีเงินออมส่วนหนึ่งเอาไว้ให้อุ่นใจหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน

ในขณะเดียวกันเงินก้อนนี้อาจจะกันมาทุนรอนในการลงทุนรูปแบบต่างๆ เพื่อหวังดอกผลในระยะยาว ซึ่งแน่นอนการวางแผนตั้งแต่วันนี้ย่อมที่จะดีกว่าการปล่อยชีวิตให้ไปตามสายลมแห่งโชคชะตาจะพัดพาไป

สำหรับผู้สนใจต้องการที่ปรึกษาทางการเงินสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ ฝ่ายธนบดีธนกิจ ธนาคารเกียรตินาคิน โทร 02-680-3333

(หมายเหตุ เบี้ยประกันขึ้นอยู่กับอายุ เพศ จำนวนเงินเอาประกันภัยและงวดการชำระเบี้ยประกันภัยของผู้เอาประกันชีวิต)