เตะหุ้นเน่าเข้าทางลัด

ตลท.ปรับเกณฑ์รับหลักทรัพย์ ให้เวลาบจ.เงินสดหาธุรกิจใหม่

ตลท.ลุยปรับเกณฑ์รับหลักทรัพย์ เข้มกฎแบ็กดอร์ฯ กันบริษัทเน่าเข้าตลาด ขยายเวลาให้บริษัทเงินสดหาธุรกิจใหม่ พร้อมผ่อนเกณฑ์ขอถอนหุ้นจากตลาด

นายสุภกิจ จิระประดิษฐกุล ผู้ช่วยผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการ ตลท. เห็นชอบให้ปรับปรุงข้อกำหนดเกี่ยวกับบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ประกอบด้วย หลักเกณฑ์การขอให้ ตลท.พิจารณารับหลักทรัพย์ใหม่ในกรณีที่มีการจดทะเบียนทางอ้อม (แบ็กดอร์ลิสติง) การควบรวมกิจการ และกรณีบริษัทมีสินทรัพย์ทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมดในรูปเงินสด (แคช คอมพานี) รวมทั้งปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการดำรงสถานะ บจ. และการเพิกถอนหุ้นจากตลาด โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 3 ธ.ค.เป็นต้นไป

สำหรับเกณฑ์ใหม่ของการขอจดทะเบียนทางอ้อม บจ.ต้องยื่นคำขอให้ ตลท.พิจารณาคุณสมบัติเสมือนการพิจารณารับหลักทรัพย์ใหม่ โดยตลท.จะดูคุณสมบัติ บจ.รวมกับสินทรัพย์ หรือธุรกิจที่ได้มาในคราวเดียวกัน จากเดิมที่พิจารณาเฉพาะคุณสมบัติของสินทรัพย์ที่ได้มาเท่านั้น นอกจากนี้ธุรกิจหรือสินทรัพย์ที่ได้มาต้องมีผลดำเนินงาน (Track Record) และมีการบริหารงานโดยผู้บริหารกลุ่มเดียวกันมาอย่างต่อเนื่อง (Same Management) ครบตามเกณฑ์รับหุ้นใหม่ของ ตลท.ด้วย

การพิจารณารับหลักทรัพย์ที่เกิดจากการควบรวมระหว่าง บจ.กับบริษัทนอกตลาด ตลท.จะดูเฉพาะกรณีที่มีนัยสำคัญ โดยบริษัทนอกตลาดต้องมีผลการดำเนินงานและมีผู้บริหารกลุ่มเดียวกัน เช่นเดียวกับเกณฑ์การจดทะเบียนทางอ้อม

ขณะเดียวกัน ตลท.ได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์การเข้าข่ายเป็นบริษัทแคช คอมพานี โดย บจ.ที่จำหน่ายสินทรัพย์ที่ใช้ประกอบธุรกิจทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมด จนทำให้สินทรัพย์ของบริษัทเป็นเงินสดหรือหลักทรัพย์ระยะสั้น บริษัทดังกล่าวจะเข้าข่ายแคช คอมพานี ทันที ไม่ว่าบริษัทนั้นจะหยุดประกอบธุรกิจหรือไม่ จากเดิมที่กำหนดว่าหาก บจ.ยังประกอบธุรกิจได้ก็ยังไม่เข้าเกณฑ์ดังกล่าว

ทั้งนี้ หาก บจ.ใดเข้าข่ายเป็นแคช คอมพานี จะต้องหาธุรกิจใหม่ให้ได้ภายในเวลา 12 เดือน นับตั้งแต่วันที่ ตลท.ได้รับรายงานแสดงฐานะการเงิน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดิมกำหนดไว้ที่ 9 เดือน โดยหาก บจ.ไม่สามารถดำเนินการได้ ตลท.จะพิจารณาเพิกถอนหุ้นต่อไป

อย่างไรก็ตาม ตลาดจะขึ้นเครื่องหมาย “NP” นับแต่วันที่ได้รับรายงานแสดงฐานะการเงิน หลังจากนั้น 3 เดือนจะขึ้นเครื่องหมาย “SP” หากบริษัทไม่สามารถหาธุรกิจใหม่ได้ จากเดิมที่อนุญาตให้ซื้อขายได้ปกติ

เกณฑ์ดำรงสถานะ บจ. กำหนดให้ บจ.ต้องมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (RMF) ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในตลาด เพื่อสนับสนุนหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีและดูแลผู้มีส่วนได้เสีย แต่เกณฑ์นี้ไม่มีผลกับ บจ.ที่เข้าตลาดก่อนเกณฑ์บังคับใช้

การปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการเพิกถอนหุ้น ในกรณีที่ บจ.ร้องขอการเพิกถอนเอง (Voluntary Delist) กำหนดให้ต้องได้เสียงอนุมัติจากผู้ถือหุ้นไม่ต่ำกว่า 75% จากเดิมที่กำหนดให้ได้เสียง 75% และต้องมีผู้คัดค้านไม่เกิน 10% รวมทั้งให้ยกเลิกเกณฑ์ที่กำหนดให้ บจ.ที่มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วน้อยกว่า 60 ล้านบาท ต้องถูกพิจารณาเพิกถอนจากตลาด เพราะมูลค่าทุนชำระแล้วไม่ได้สะท้อนการดำเนินงานแท้จริง