ซิตี้กรุ๊ปเชียร์อสังหาฯแบงก์

เพิ่มกำไรบจ.พึ่งกำลังซื้อในปท. รับประโยชน์ประชานิยม-คิวอี3

ซิตี้กรุ๊ป เล็งปรับกำไร บจ.กลุ่มกำลังซื้อในประเทศขึ้น เพิ่มน้ำหนักหุ้นแบงก์ อสังหาฯ พลังงาน และปิโตรเคมีรับคิวอี 3

ซิตี้กรุ๊ปออกรายงานดัชนีหุ้นไทยกับมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบที่ 3 (คิวอี 3) ของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา ว่ายังแนะนำให้เพิ่มน้ำหนักลงทุนในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ อสังหาริมทรัพย์ พร้อมเปลี่ยนการเพิ่มน้ำหนักลงทุนจากสื่อสารไปพลังงานและปิโตรเคมี

ซิตี้กรุ๊ปเลือกหุ้นธนาคารกรุงไทย (KTB) ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) บริษัท ปตท. (PTT) บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) และบริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน (AMATA) ขณะเดียวกันให้ขายหุ้นบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) และบริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (TISCO)

 

นอกจากนั้น เตรียมปรับเพิ่มประมาณการกำไรกลุ่มหุ้นที่เชื่อมโยงกับการบริโภคในประเทศ ทั้งกลุ่มธนาคาร สื่อ อสังหาริมทรัพย์ โรงพยาบาล ค้าปลีก และสื่อสาร

“ผลจากคิวอี 3 ทำให้หุ้นสินค้าโภคภัณฑ์กลับมา ทั้งพลังงาน ปิโตรเคมี และวัสดุก่อสร้างที่ฟื้นตัว”

ซิตี้กรุ๊ป วิเคราะห์ว่า มาตรการคิวอี 3 จะทำให้ประวัติศาสตร์กลับมาซ้ำรอยเหมือนครั้งที่ออกคิว 1-2 ที่จะส่งผลดีต่อดัชนีหุ้นไทยจากเงินทุนไหลเข้ามา ส่งผลดีต่อการลงทุนภาคเอกชนเป็นวงจรขาขึ้น ทำให้หุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีฟื้นตัว

ตามสถิติผลจากคิวอี 1-2 ทำให้ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วง 6 เดือน ที่มีข่าวคิวอี ทั้งราคาหุ้นธนาคาร พลังงาน อสังหาริมทรัพย์ และพาณิชย์ จากนโยบายประชานิยมที่ส่งผลดีต่อกำลังซื้อในประเทศ ทำให้ดัชนีเพิ่มขึ้นมากกว่าหุ้นในภูมิภาคเอเชียทั้งหุ้นสื่อสารและพาณิชย์

วันที่ 20 ก.ย.ที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นไทยกลับมาลดลง 2.78 จุด ปิดที่ระดับ 1,282.68 จุด มูลค่าการซื้อขายปานกลางจำนวน 34,390.62 ล้านบาท แต่นักลงทุนต่างชาติซื้อ 1,222 ล้านบาท ส่วนสถาบันขาย 1,007 ล้านบาท

นายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้จัดการกองทุนจะขายหุ้นทำกำไร เมื่อกองทุนทริกเกอร์ ฟันด์ ถึงเป้าหมาย หรือใกล้ถึงเป้าหมายที่กำหนดไว้

กลยุทธ์ในการทำกำไรของผู้จัดการกองทุนแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะรอให้มูลค่าหน่วยลงทุนไปถึงเป้าหมายก่อนถึงจะขายออกมา แต่บางคนอาจจะทยอยขายทำกำไรเอาไว้ก่อน โดยไม่รอให้ถึงเป้าหมาย แต่การขายทำกำไรเป็นหน้าที่ของผู้จัดการกองทุน

ด้านตลาดหุ้นเอเชีย ยุโรป และราคาสินทรัพย์เสี่ยง ทั้งทองคำและน้ำมันปรับตัวลง หลังจากนักลงทุนกังวลวิกฤตการณ์หนี้ยุโรปประทุรอบใหม่ รวมถึงดัชนีภาคการผลิตของจีนและยอดส่งออกของญี่ปุ่นหดตัวลงส่งผลให้แนวโน้มตลาดหุ้นจะมีโอกาสอ่อนตัวลงต่อเนื่อง หลังจากเพิ่งดีใจเรื่องธนาคารกลางญี่ปุ่นประกาศนโยบายซื้อหลักทรัพย์เพิ่มอีก 10 ล้านล้านเยน เป็น 80 ล้านล้านเยน เมื่อวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา

บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทอ่อนตัวลงอยู่ที่ 30.89 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ตามทิศทางค่าเงินในเอเชีย หลังข้อมูล ภาคการผลิตของจีน เยอรมนี และฝรั่งเศส ที่ยังหดตัวต่อเนื่องในเดือน ก.ย. กระตุ้นแรงเทขายสินทรัพย์เสี่ยงและเงินยูโร

อย่างไรก็ตาม เงินเยนแข็งค่าขึ้นหลังปัจจัยลบจากการเพิ่มวงเงินสำหรับโครงการซื้อสินทรัพย์รอบใหม่ของธนาคารกลางญี่ปุ่น กดดันเงินเยนได้เพียงช่วงสั้นๆ เท่านั้น