หุ้นไทยดิ่งวันที่สองปิดตลาด-5.61จุด

ดัชนีหุ้นไทยปิดตลาดที่ 1,214.55จุดลดลง5.61จุดหรือลดลง0.46%มูลค่าการซื้อขาย26,400.69 ล้านบาท

ดัชนีหุ้นไทย ดิ่งลงหนักเป็นวันที่สอง เช่นเดียวกับหุ้นในภูมิภาคเอเชียร่วงลงมาอีก เพราะความหวังว่าต่อมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบที่สาม(คิวอี3)ลดน้อยลง ดัชนีปิดที่ 1,214.55จุดลดลง5.61จุดหรือลดลง0.46% ดัชนีผันผวนตลอดวันโดยลดลงต่ำสุด 7 จุดไปอยู่ที่1,207.53 จุดและทำจุดสูงสุดของวันที่1,217.15 จุดด้วยมูลค่าการซื้อขาย26,400.69 ล้านบาท

มูลค่าซื้อขาย 5อันดับแรก
บริษัทชิน คอร์ปอเรชัน (INTUCH ) ปิดที่ 65.25 บาท +0.25 บาท(+0.38%) 
ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ปิดที่187.50บาท  -3.00บาท (-1.57%) 
บริษัทแอดวานซ์อินโฟร์เซอร์วิส (ADVANC) ปิดที่  212.00บาท  +4.00บาท (+1.92%) 
ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ปิดที่147.50บาท  -3.50บาท (-2.32%) 
บริษัทปตท. (PTT) ปิดที่  330.00 บาท -3.00บาท (-0.90%)

นักลงทุนเริ่มหวั่นวิตกว่า การประชุมเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางและนักเศรษฐศาสตร์ที่เมือง แจ็คสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันพรุ่งนี้ นายเบน เบอร์นันเก้ประธาน ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) อาจไม่มีการส่งสัญญาณมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ออกมา หลังเมื่อวันที่ 29 ส.ค. สหรัฐรายงานตัวเลขทบทวน อัตราเติบโตเศรษฐกิจ ในช่วง ไตรมาส2ปี2555 ของสหรัฐ จากเดิม 1.5% เปลี่ยนเป็น 1.7% เท่ากับตลาดคาด นอกจากนี้ตัวเลขยอดขายบ้านใหม่และบ้านเก่าที่เริ่มผงกหัวขึ้นจากจุดต่ำสุดต่อเนื่องมาหลายเดือน สะท้อนถึงแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นตามลำดับถัดจากการประชุมนักการเงินและการธนาคารในวันพรุ่งนี้แล้ว ยังมีเรื่องให้คาดหวังกันต่อคือการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ในวันที่ 6 ก.ย.2555

หลังจากนั้นต้องติดตาม การประกาศข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันที่ 7 ก.ย. ก่อนการประชุมนโยบายของเฟดในวันที่ 12-13 ก.ย.และศาลรัฐธรรมนูญของเยอรมนีจะประกาศคำวินิจฉัยเกี่ยวกับกองทุนรักษาเสถียรภาพการเงินยุโรป (อีเอฟเอสเอฟ) ในวันที่ 12 ก.ย.นี้ ก่อนการประชุมของรมว.คลังยูโรโซนในวันที่ 14-15 ก.ย.

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เอเชีย พลัสประเมินว่า ดัชนีไม่ยอมฟื้นตัวกลับขึ้นมาเหนือ 1,216 จุด เป็นสัญญาณว่าดัชนีจะทิ้งดิ่งต่อเนื่อง โอกาสลงต่อวันพรุ่งนี้มีสูง ซึ่ง ดัชนีอาจต้องลงไปตั้งหลักลึกถึง 1,190 จุดกลยุทธ์การลงทุนถ้า ราคาหุ้นลงให้เก็บ หุ้นบริษัทปตท.(PTT)บริษัทเอสโซ่(ประเทศไทย)(ESSO)บริษัทไทยออยล์(TOP)บริษัทเอสวีไอ( SVI)บริษัทอิออน(AEONTS)