ไทยออยล์แย้มกำไรพุ่ง

TOP ย้ำไตรมาส 3 กำไรแน่นอน ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นพร้อมอัดงบลงทุน 3 ปี 700 ล้านเหรียญสหรัฐ

น.ส.ภัทรลดา สง่าแสง ผู้จัดการฝ่ายวางแผนกลยุทธ์และนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ไทยออยล์ (TOP) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 3 นี้ คาดว่าบริษัทจะกลับมามีกำไรจากน้ำมันคงคลัง (สต๊อก) ภายหลังราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 94 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ขึ้นมาอยู่ที่ระดับประมาณ 110 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลในปัจจุบัน และค่าการกลั่นในช่วงครึ่งปีหลังอยู่ที่ระดับ 5-6% จากครึ่งแรกอยู่ที่ 4-5%

“โดยปกติมาร์จินของบริษัทในช่วงครึ่งหลังจะดีกว่าครึ่งแรก เป็นผลมาจากค่าการกลั่นในธุรกิจน้ำมันที่ปรับตัวดีขึ้น ขณะที่ผลิตภัณฑ์อื่นไม่ว่าจะเป็น อะโรเมติกส์ น้ำมันหล่อลื่น ยังมีทิศทางที่ดี โดยภาพรวมทั้ง 3 ธุรกิจมีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งแม้สภาพแวดล้อมจะผันผวนสูง” น.ส.ภัทรลดา กล่าว

สำหรับโครงการลงทุนของไทยออยล์ ในระยะ 3 ปี วางแผนเงินลงทุนไว้ 700 ล้านเหรียญสหรัฐ ในธุรกิจโรงไฟฟ้า หน่วยการผลิต เป็นต้น โดยแหล่งเงินนั้นจะอาศัยมาจากกระแสเงินสด และการกู้เงินเป็นหลัก เนื่องจากบริษัทมีศักยภาพในการกู้หนี้สูง เพราะได้กำหนดอัตราหนี้สินต่อทุน (ดีอี) ไม่ให้เกิน 1 เท่า หรือมีความสามารถในการกู้เงินถึง 8 หมื่นล้านบาท แต่ปัจจุบันบริษัทมีหนี้เงินกู้เพียง 2.8 หมื่นล้านบาท ยังมีความสามารถในการกู้ได้อีก หากมีโครงการดีๆ เข้ามา

นายสุรงค์ บูลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท ปตท. (PTT) กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะใช้เงินลงทุนค่อนข้างเยอะ ทั้งเพื่อเข้าซื้อหุ้น SAR เพิ่ม และเพิ่มทุน PTTEP แต่นักลงทุนไม่ต้องกังวล เพราะมีเม็ดเงินพร้อมอยู่แล้ว และไม่กระทบกับการปันผล

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส (ASP) มองว่า การเข้าซื้อหุ้น SAR จะทำให้มูลค่าหุ้น PTT เพิ่มขึ้น 2.13 บาทต่อหุ้น แนะนำนักลงทุนซื้อหุ้นราคาเหมาะสมที่ 392.42 บาท

บริษัท บางจากปิโตรเลียม (BCP) ประกาศจ่ายเงินปันผลงวดกลางปีนี้ให้กับผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.35 บาท

นายบรูโน ฟาน เดอร์ วีเลน กรรมการผู้จัดการบริษัท วีนิไทย (VNT) กล่าวว่า รายได้ปี 2555 จะมากกว่าปีก่อนได้ เนื่องจากปีนี้บริษัทมีผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มเข้ามา คือ การจำหน่ายสาร Epichlorohydrin (ECH) ประกอบกับปีนี้ไม่มีการปิดซ่อมบำรุงโรงงานครั้งใหญ่อย่างปีก่อนที่ปกติจะเกิดขึ้นทุก 3 ปี ปีนี้มีเพียงแต่ปิดซ่อมประจำปีในเดือน เม.ย.ของทุกปี

สำหรับเรื่องราคาผลิตภัณฑ์มีแนวโน้มอย่างไรไม่สามารถประเมินหรือคาดการณ์ได้ เพราะมีหลายปัจจัยที่ไม่สามารถคาดการณ์มาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นราคาน้ำมันดิบที่มีความผันผวนต่อเนื่อง ส่วนต่างราคาระหว่างเอทิลีนกับ PVC อีกทั้งต้องคอยดูอุปสงค์และอุปทานของกลุ่มประเทศเอเชียเป็นอย่างดี

แนวทางการเพิ่มการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย (ฟรีโฟลต) ที่ปัจจุบันอยู่ที่ 16.25% ก็ไม่สามารถตอบในรายละเอียดได้