posttoday

กสิกรแนะเพิ่มสินทรัพย์เสี่ยง

14 สิงหาคม 2555

บลจ.กสิกรไทย แนะเพิ่มน้ำหนักลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงในช่วง 1-2 ปีนี้ หนีผลตอบแทนตราสารหนี้น้อยแพ้เงินเฟ้อ

บลจ.กสิกรไทย แนะเพิ่มน้ำหนักลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงในช่วง 1-2 ปีนี้ หนีผลตอบแทนตราสารหนี้น้อยแพ้เงินเฟ้อ

นายประเสริฐ ขนบธรรมชัย รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย เปิดเผยว่า บริษัทเห็นว่าในช่วง 1-2 ปีนี้นักลงทุนควรเพิ่มน้ำหนักลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์ให้มากขึ้น เนื่องจากผลตอบแทนของตราสารหนี้ไม่น่าสนใจ เพราะดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ ทำให้ผลตอบแทนสู้เงินเฟ้อไม่ได้

นอกจากนี้ การลงทุนหุ้นในระยะยาวจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนประเภทอื่นๆ ขณะที่สินค้าโภคภัณฑ์ก็เป็นการลงทุนที่ต่อสู้กับเงินเฟ้อได้ดี และในช่วงเดือน ก.ย.นี้ ราคาสินทรัพย์เสี่ยงอาจปรับตัวลง หากไม่มีมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) รอบ 3 ออกมาตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ซึ่งอาจจะเป็นจังหวะในการเข้าซื้อกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) โดยไม่ต้องรอซื้อปลายปี

นายประเสริฐ กล่าวว่า ปัญหาหนี้ยุโรปยังกดดันการลงทุนอยู่ แต่ตลาดมีความคาดหวังในเชิงบวกมาระดับหนึ่งเห็นได้จากการปรับตัวขึ้นของสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ หลังจากคาดว่าธนาคารกลางยุโรปจะเข้ามาซื้อพันธบัตรของประเทศที่มีปัญหาเอาไว้ ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั่วโลกได้ รวมทั้งตลาดคาดว่าสหรัฐจะออก QE 3 ในเดือน ก.ย.นี้ เพราะตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในช่วงหลังออกมาไม่ค่อยดี ทำให้นักลงทุนกลับเข้ามาลงทุน

สำหรับตลาดหุ้นไทยเห็นว่ายังแข็งแกร่งจากกำไรบริษัทจดทะเบียนที่ยังเติบโตดีต่อเนื่องในปีนี้และปีหน้า โดยยังคงเป้าหมายดัชนีสิ้นปีนี้ที่ 1,250-1,300 จุด

“แม้หุ้นไทยจะปรับตัวขึ้นมาในระดับหนึ่ง แต่ยังไม่แพงเมื่อเทียบกับแนวโน้มการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนในอนาคต ดังนั้นโอกาสที่ตลาดหุ้นจะปรับตัวลงแรงมีไม่มากและไม่น่าจะหลุด 1,100 จุด หากปัจจัยต่างประเทศคลี่คลายมีโอกาสที่ต่างชาติจะไหลกลับเข้ามาลงทุน และปัจจุบันต่างชาติยังซื้อมากกว่าขาย” นายประเสริฐ กล่าว

ขณะที่สินค้าโภคภัณฑ์ในระยะยาวยังน่าสนใจ โดยราคาทองคำปรับตัวลงมาค่อนข้างมาก แต่การลงทุนต้องลงทุนในระยะยาว เพราะเชื่อว่าราคาทองจะพลิกขึ้นมาในขาขึ้นได้ เพราะปัจจัยหลักที่จะช่วยผลักดันราคาทองคำคือ เศรษฐกิจของประเทศผู้บริโภคหลักเติบโต เช่น จีน ซึ่งปัจจุบันเศรษฐกิจจีนยังอยู่ในช่วงชะลอตัว รวมทั้งปัจจัยเสี่ยงในโลกยังกดเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ทำให้ความต้องการในทองคำทั้งจากผู้บริโภคและภาคการผลิตลดลง เช่นเดียวกับหุ้นจีน แม้ปัจจุบันราคาถูก แต่อาจยังไม่ใช่จังหวะสำหรับลงทุนระยะสั้น เพราะเศรษฐกิจจีนยังต้องใช้เวลาในการแก้ปัญหา แต่ระยะยาวเชื่อว่าตลาดหุ้นจีนก็กลับมาได้