posttoday

"KTB"ติดปีกเพิ่มทุนหนุนธุรกิจขยายตัว

12 สิงหาคม 2555

“กรุงไทย” เพิ่มทุนถูกจังหวะ ฉุดราคาหุ้นไม่มาก ส่งผลดีธุรกิจระยะยาว โบรกเกอร์แนะใช้สิทธิเพิ่มทุน ให้เป้า 20-21.60 บาท

“กรุงไทย” เพิ่มทุนถูกจังหวะ ฉุดราคาหุ้นไม่มาก ส่งผลดีธุรกิจระยะยาว โบรกเกอร์แนะใช้สิทธิเพิ่มทุน ให้เป้า 20-21.60 บาท

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกต่อการประกาศเพิ่มทุนจำนวน 3.52 หมื่นล้านบาท ของธนาคารกรุงไทย (KTB) เพราะสามารถปลดล็อกความกังวลที่กดดันหุ้นออก ไปได้

นอกจากนี้ ยังทำให้เงินกองทุนขั้นที่ 1 ของธนาคารอยู่ที่ 10.83% ทัดเทียมกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่ 11-12% เพียงพอรองรับการเติบโตของธุรกิจในช่วงขาขึ้นต่อเนื่องไปอีก 2 ปีข้างหน้า

ขณะที่คาดว่ากำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ปีนี้ยังเติบโต 12.7% และต่อเนื่องอีก 17.4% ในปี 2556 แม้เกิดไดลูทจากการเพิ่มทุนก็ตาม โดยฝ่ายวิจัยได้ปรับปรุงกำไรสุทธิปี 2555-2556 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพื่อสะท้อนภาระการระดมเงินฝากที่ลดลงและทดแทนด้วยเงินเพิ่มทุนที่ได้มา

สำหรับกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) ยังคงสัดส่วนการถือหุ้นใหญ่ 51% หากใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนเต็มจำนวน ทำให้ช่วยลดความกังวลต่อแนวโน้มการลดสัดส่วนการถือหุ้นของ FIDF และการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ไปได้ ซึ่งจะทำให้ธนาคารยังคงได้รับอันดับเครดิตในระดับสูงในฐานะที่เป็นธนาคารได้รับผลบวกจากการสนับสนุนจากภาครัฐต่อไป

การเพิ่มทุนอยู่ในช่วงภาวะตลาดสดใส ราคาเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนเหมาะสมที่ระดับใกล้เคียงกับมูลค่าทางบัญชี (BV) และยังมีส่วนลดจากราคาตลาดถึง 29.4% น่าจะทำให้การเพิ่มทุนลุล่วงไปได้ดี ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยยังคงคำแนะนำซื้อ KTB แต่เน้นการเข้าลงทุนเมื่อราคาอ่อนตัว ให้ราคาเหมาะสม 21.60 บาท ส่วนนักลงทุนที่มีหุ้น KTB อยู่แล้ว แนะนำให้จองซื้อหุ้นเพิ่มทุน

ด้าน บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุว่า ได้ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็นซื้อ KTB ให้ราคาพื้นฐาน 20.50 บาท เพราะการเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิมเป็นการยืนยันว่า KTB ยังคงเป็นธนาคารรัฐ ซึ่งจะได้ประโยชน์จากการใช้จ่ายและลงทุนเพิ่มขึ้นของรัฐ โดยเฉพาะในปี 2556 รวมทั้งยังคงมีต้นทุนทางการเงินที่ต่ำจากฐานลูกค้าที่เป็นข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ

ทั้งนี้ ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2555-2556 ขึ้น 8% และ 5% ตามลำดับ สะท้อนผลประกอบการไตรมาส 2 ปีนี้ดีกว่าคาด และการดำเนินธุรกิจเชิงรุกมากขึ้นหลังได้รับเงินเพิ่มทุน

บล.เกียรตินาคิน เปิดเผยว่า แนะนำให้ผู้ถือหุ้นใช้สิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน เนื่องจากมองว่า KTB ยังได้ประโยชน์จากโครงการลงทุนต่างๆ ของรัฐบาล ถึงแม้ว่าธนาคารจะมีจำนวนหุ้นเพิ่มมากขึ้น แต่ยังเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูง โดยปีนี้คาดว่าจะจ่ายปันผล 0.76 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราตอบแทน 4.5% และได้ปรับไปใช้ราคาเหมาะสมหลังเพิ่มทุนที่ 20 บาท

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า จากการเข้าพบผู้บริหาร บริษัท ทุนธนชาต (TCAP) ได้รับการยืนยันว่า ธนชาตมีสัดส่วนเงินกองทุนที่แข็งแกร่งเพียงพอต่อการขยายธุรกิจในอนาคต ไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุนจดทะเบียนแต่อย่างใด