สศค.ถกตลาดทุนรับมือเออีซี

สศค. นัดคุยโบรกเกอร์-บลจ. รับมือเออีซี สมาคม บล. ยันพร้อมเปิดอาเซียนลิงก์เกจ ก.ย.นี้ ตลท.เป็นแกนหาวิธีเรียกเงินเข้าไทย เจาะถึงตัวนักลงทุน

นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เปิดเผยว่า สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้เรียกเอกชนภาคการเงิน-ตลาดทุนเข้าฟังทิศทางและนโยบายการรับมือการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ทั้งหมด 3 วัน โดยกลุ่มตลาดทุนอย่างบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ร่วมหารือในวันที่ 30 ก.ค.นี้ ส่วนธุรกิจประกันภัย วันที่ 31 ก.ค. และกลุ่มธนาคารพาณิชย์ วันที่ 1 ส.ค.นี้

สมาคม บล.เตรียมเสนอเรื่องความพร้อมของเอกชนด้านตลาดทุนในการเปิดการซื้อการขายบนกระดานหุ้นเดียวกันของกลุ่มประเทศอาเซียน (อาเซียนลิงก์เกจ) ของตลาดหุ้นไทยในเดือน ก.ย.นี้ หลังจากตลาดหุ้นสิงคโปร์กับตลาดหุ้นมาเลเซีย เริ่มตั้งแต่เดือน ส.ค.นี้

นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และสมาคม บล.กำลังหารือกันว่าจะทำอย่างไรหลังเปิดอาเซียนลิงก์เกจ แล้วจะทำให้เงินเข้าประเทศมากกว่าเงินไหลออก ซึ่ง ตลท.จะเป็นแกนนำในการเปิดตลาดให้โบรกเกอร์สามารถขายสินค้าให้กับนักลงทุนรายบุคคลมาเลเซียหรือสิงคโปร์

นางภัทธีรา กล่าวต่อว่า มีความเป็นไปได้ว่าหลังเปิดอาเซียนลิงก์เกจแล้ว นักลงทุนไทยอาจจะไปลงทุนต่างประเทศมากขึ้น เพราะที่ผ่านมานักลงทุนส่วนใหญ่ไม่มีโอกาสหรือทางเลือก และอัตราผลตอบแทนของตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในระดับที่สูงกว่าเพื่อนบ้าน จึงยังไม่มีความจำเป็นไปลงทุนในต่างประเทศตอนนี้

“ถือเป็นเรื่องดีที่ทุกฝ่ายช่วยกันหาวิธีให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในหุ้นไทยมากขึ้น ถ้าไทยยังไม่ทำอาจจะทำให้แข่งขันลำบาก เนื่องจากสิงคโปร์มีแผนขยายและพัฒนาเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคปี 2020 และมาเลเซียก็มีแผนพัฒนาเศรษฐกิจรับมือเออีซีที่ชัดเจน” นางภัทธีรา กล่าว

ทั้งนี้ ในอนาคตการไปนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) ในต่างประเทศ จะเข้าไปนำเสนอข้อมูลและรู้จักนักลงทุนรายบุคคลของมาเลเซียและสิงคโปร์มากขึ้น ในรูปแบบทำความรู้จักระหว่างโบรกเกอร์กับรายย่อย หรือบริษัทจดทะเบียนของไทยกับรายย่อย

นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บลจ.ทหารไทย ในฐานะนายกสมาคม บลจ. เปิดเผยว่า สมาคมยังรอดูทิศทางและนโยบายรับมือเออีซีของภาครัฐว่าเป็นอย่างไร จึงยังไม่มีแผนไปนำเสนอในการร่วมรับฟังข้อมูล

“สมาคมเองยังอยู่ในขั้นตอนของการศึกษาและเตรียมความพร้อมกับเอเอซี ล่าสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาสมาคมและบริษัทสมาชิกได้ไปดูงานที่มาเลเซีย เพื่อดูว่าธุรกิจกองทุนรวมในต่างประเทศเขามีรูปแบบและการทำงานอย่างไร ซึ่งพบว่ามีความแตกต่างกันมาก มาเลเซียมีช่องทางการจำหน่ายมาก และนักลงทุนตื่นตัวลงทุนมากกว่า” นายสมจินต์ กล่าว