ล็อบบี้ตีกันบล.น้องใหม่

สมาคมหลักทรัพย์เล็งเสนอ ก.ล.ต.ออกกฎเหล็กคุมโบรกเกอร์น้องใหม่ กันเข้ามาทุ่มราคา ส่วน บล.จับกลุ่มคุย รมว.คลังนอกรอบ ขีดคุณสมบัติคนใหม่เข้ม ตั้งเงื่อนไขคอมมิชชันเสรี

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ เปิดเผยว่า ต้องการให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กำหนดคุณสมบัติผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์รายใหม่จะไม่ซื้อตัวบุคลากรในอุตสาหกรรม เช่น เจ้าหน้าที่การตลาด (มาร์เก็ตติง) หรือฝ่ายต่างๆ และกำหนดจำนวนเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานส่วนต่างๆ ขั้นต่ำกี่คน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิด บล.แบบต้นทุนต่ำ (ดิสเคาต์โบรกเกอร์)

ปี 2555 เริ่มเปิดเสรีใบอนุญาตธุรกิจหลักทรัพย์และได้สร้างข้อกังวลว่า ผู้ประกอบการรายใหม่จะดำเนินธุรกิจในลักษณะดิสเคาต์โบรกเกอร์ ทำให้แข่งขันด้านราคารุนแรง ทำให้โบรกเกอร์เดิมที่ยังหาจุดขายในการทำธุรกิจไม่เจออาจจะหันมาเป็นดิสเคาต์โบรกเกอร์ด้วย

ปัจจุบัน ยังไม่มี บล.รายใหม่เข้ามา การออกเกณฑ์เรื่องคุณสมบัติของรายใหม่นั้นสามารถทำได้ โดยสมาคมบริษัทหลักทรัพย์จะต้องเป็นหน่วยงานที่จะเข้าไปหารือกับ ก.ล.ต.

“ตอนนี้ไทยยังไม่พร้อมที่จะเห็นดิสเคาต์โบรกเกอร์ เช่น จะไม่มีบทวิเคราะห์เลย ก็ไม่เห็นด้วยจากจำนวนนักวิเคราะห์ที่ผ่านมา 340 คน แต่ขณะนี้เหลือ 260 คน ถ้าแนวโน้มจำนวนนักวิเคราะห์ลดลง อนาคตน่าเป็นห่วงนักลงทุน ดังนั้นอยากเห็นบริษัทใหม่พัฒนาบุคลากร ไม่ใช่มาซื้อบุคลากร” นายไพบูลย์ กล่าว

นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ ในฐานะนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวว่า สมาคมจะเรียกสมาชิกประชุมเพื่อรับความฟังความคิดและรวบรวมเป็นความเห็นของทางสมาคมโบรกเกอร์ เพื่อนำเสนอให้ ก.ล.ต.พิจารณาต่อไป แต่คงไม่ถึงขั้นขอให้ยกเลิกเปิดเสรีใบอนุญาต

แหล่งข่าวจากวงการธุรกิจหลักทรัพย์ เปิดเผยว่า เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาคนวงการตลาดทุนได้นัดหารือนอกรอบกับนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เพื่อเสนอความเห็นว่า ประเทศไทยไม่ควรเปิดเสรีธุรกิจหลักทรัพย์และเปิดเสรีค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ (คอมมิชชัน) เต็มที่ เหมือนที่กำลังทำอยู่ในปัจจุบัน มิฉะนั้นจะสร้างปัญหาในระยะยาว

แม้ว่าขณะนี้ยังไม่เห็นการแข่งขันลดค่าคอมมิชชันที่รุนแรงมากนัก แต่เชื่อว่าในที่สุดก็คงหลีกหนีปัญหานี้ไม่ได้ ทำให้โบรกเกอร์ที่มีอยู่ 40 บริษัทคงรอดตายเพียงไม่กี่ราย

นอกจากนี้ ยังเห็นว่าโครงการธุรกิจโบรกเกอร์มีความหลากหลายเพราะประกอบด้วย บล.ที่มีบริษัทแม่อยู่ต่างประเทศเกือบ 50% รวมถึงบริษัทที่เป็นลูกของธนาคารพาณิชย์และ บล.ของคนไทย ดังนั้นหากจะเปิดเสรีให้รายใหม่เข้ามาก็ควรจะกำหนดคุณสมบัติเข้มข้นขึ้น ส่วนค่าคอมมิชชันเปิดเสรีแต่ต้องมีเงื่อนไขและมีการกำกับดูแลที่รัดกุม เพื่อให้มีการพัฒนาธุรกิจในอนาคต