posttoday

เอ็กซิมแบงก์คาดส่งออกปี 54 ชะลอจากปัจจัยเสี่ยงรุมเร้า

02 มีนาคม 2554

เอ็กซิมแบงก์ คาดการส่งออกปีนี้ชะลอลงกว่าปี 53 เหตุปัจจัยเสี่ยงรุมเร้า ทำให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวช้า แต่ยังตั้งเป้าขยายสินเชื่อร้อยละ 16 นายคนิสร์ สุคนธมาน กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปี 53 มีกำไรสุทธิ 145 ล้านบาท ลดลงจากปีที่ผ่านมา 201 ล้านบาท เนื่องจากมีการสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญถึง 1,491 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 452 ล้านบาท สำหรับยอดคงค้างสินเชื่อปี 53 อยู่ที่ 56,481 ล้านบาท เพิ่มร้อยละ 6 เป็นการขยายตัวสินเชื่อทั้งในและต่างประเทศ ขณะที่ยอดเอ็นพีแอลอยู่ที่ 3,539 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.22 ลดลงปีก่อนร้อยละ 1.9 นายคนิสร์ กล่าวว่า เป้าหมายปี 54 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 600 ล้านบาท ยอดสินเชื่อคงค้าง 65,290 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 มีปริมาณธุรกิจบริการประกันการส่งออกที่ 1 หมื่นล้านบาท กำไรที่เพิ่มขึ้นน่าจะมาจากส่วนต่างดอกเบี้ย การจัดการสินทรัพย์และเอ็นพีแอลให้มีประสิทธิภาพ ส่วนผลกระทบที่เกิดขึ้นในตะวันออกกลาง ลูกค้าไม่ได้รับกระทบมากนัก  เนื่องจากลูกค้าเป็นเพียงผู้ส่งออก ไม่ได้ทำธุรกิจในประเทศดังกล่าว แต่ยอมรับว่า ปัญหาดัง

เอ็กซิมแบงก์ คาดการส่งออกปีนี้ชะลอลงกว่าปี 53 เหตุปัจจัยเสี่ยงรุมเร้า ทำให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวช้า แต่ยังตั้งเป้าขยายสินเชื่อร้อยละ 16
 
นายคนิสร์ สุคนธมาน กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปี 53 มีกำไรสุทธิ 145 ล้านบาท ลดลงจากปีที่ผ่านมา 201 ล้านบาท เนื่องจากมีการสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญถึง 1,491 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 452 ล้านบาท
 
สำหรับยอดคงค้างสินเชื่อปี 53 อยู่ที่ 56,481 ล้านบาท เพิ่มร้อยละ 6 เป็นการขยายตัวสินเชื่อทั้งในและต่างประเทศ ขณะที่ยอดเอ็นพีแอลอยู่ที่ 3,539 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.22 ลดลงปีก่อนร้อยละ 1.9
 
นายคนิสร์ กล่าวว่า เป้าหมายปี 54 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 600 ล้านบาท ยอดสินเชื่อคงค้าง 65,290 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 มีปริมาณธุรกิจบริการประกันการส่งออกที่ 1 หมื่นล้านบาท กำไรที่เพิ่มขึ้นน่าจะมาจากส่วนต่างดอกเบี้ย การจัดการสินทรัพย์และเอ็นพีแอลให้มีประสิทธิภาพ
 
ส่วนผลกระทบที่เกิดขึ้นในตะวันออกกลาง ลูกค้าไม่ได้รับกระทบมากนัก  เนื่องจากลูกค้าเป็นเพียงผู้ส่งออก ไม่ได้ทำธุรกิจในประเทศดังกล่าว แต่ยอมรับว่า ปัญหาดังกล่าวอาจส่งผลต่อราคาน้ำมันที่จะปรับเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการไทยมีต้นทุนผลิตสินค้าเพิ่มมากขึ้น
 
นอกจากนี้ ยังมองว่า ปี 2554 การส่งออกไทยไม่ขยายตัวสูงเหมือนเช่นปีที่ผ่านมา เพราะยังมีปัจจัยอีกหลายอย่างที่ส่งผลกระทบ ได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจโลก ปัญหาราคาน้ำมัน จะกระทบเศรษฐกิจโลกให้ฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดไว้ โดยตลาดหลัก ได้แก่ สหรัฐ ยุโรป ญี่ปุ่น คาดว่ายังคงได้รับผลกระทบจากปัญหาว่างงานและหนี้สาธารณะ ขณะที่ตลาดใหม่ อย่างจีน เริ่มมีสัญญาณชะลอการเติบโตเพื่อรักษาเสถียรภาพ ดังนั้นอาจมีผลกับค่าเงินบาทจากกระแสเคลื่อนย้ายเงินทุน รวมถึงปัญหาภัยธรรมชาติที่คาดว่าอาจจะมีความรุนแรงมากขึ้นส่งผลกระทบต่อสินค้าเกษตรและอาหาร