posttoday

บสท.ขนทรัพย์สิน1.2พันรายการออกขายก่อนปิดกิจการ

25 มกราคม 2554

บสท. มั่นใจ กำไรก่อนปิดกิจการ 8 มิ.ย. ปีนี้ พุ่งกว่า 1,000 ล้านบาท ขนเอ็นพีเอ 1,200 รายการ มูลค่ารวม1หมื่นล้านมาลดราคากว่า 20 %

บสท. มั่นใจ กำไรก่อนปิดกิจการ 8 มิ.ย. ปีนี้ พุ่งกว่า 1,000 ล้านบาท ขนเอ็นพีเอ 1,200 รายการ มูลค่ารวม1หมื่นล้านมาลดราคากว่า 20 %

นางจุไรรัตน์ ปันยารชุน กรรมการผู้จัดการ บริษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ บสท. เหลือระยะเวลาการทำงานไม่ถึง 100 วัน โดยจะปิดกิจการตามกฎหมายในวันที่ 8 มิ.ย. 2554 ทั้งนี้ บสท.จะเร่งดำเนินการขายทรัพย์สินที่มีอยู่รวมถึงเร่งปรับโครงสร้างหนี้ โดยตั้งเป้าหมายว่าในปีนี้จะมีรายได้ประมาณ 20,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการปรับโครงสร้างหนี้ของลูกค้า 10,000 ล้านบาท และเป็นการขายทรัพย์รอการขายหรือ เอ็นพีเอ อีกประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยมั่นใจว่าบสท.จะมีกำไรสุทธิกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อนำส่งเงินให้กับกระทรวงการคลัง

ทั้งนี้ บสท.ได้จัดแคมเปญพิเศษ " LAST PRICE ลดด่วนขบวนสุดท้าย " โดยจะเป็นการเปิดประมูลทรัพย์สินครั้งใหญ่ 1,200 รายการ มูลค่ารวมประมาณ 10,000 ล้านบาท นำมาลดราคากว่า 20%   ซึ่งเป็นสินทรัพย์ราคาเกิน 20 ล้านบาทประมาณ 700-800 รายการ โดยจัดประมูลครั้งแรกในวันที่ 25 ก.พ. 2554 และครั้งที่ 2 วันที่ 1 เม.ย. 2554  รวมทั้งมีแผนจัดกิจกรรมสัญจรรุกตลาดในภูมิภาค โดยจะมุ่งพื้นที่เป้าหมายในเขตภาคเหนือและภาคอีสาน ซึ่งเป็นเขตที่มีทรัพย์สินของ บสท. จำนวนมากที่สุด

"แม้ว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยจะปรับตัวสูงขึ้น แต่นักลงทุนส่วนใหญ่ยังมีความสนใจที่จะเข้ามาซื้อทรัพย์สินประเภทที่ดิน เนื่องจากได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่า และหากไม่มีปัจจัยการเมืองรุนแรงเข้ามาส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนก็จะทำให้มีประชาชนสนใจลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ของบสท. เป็นจำนวนมาก"จุไรรัตน์กล่าว

นางจุไรรัตน์ กล่าวว่า ผลการการดำเนินงานในปี 2553 บสท.สามารถขายเอ็นพีเอได้ถึง 23,528 ล้านบาท โดยสูงจากเป้าหมายปี 2553 ที่ตั้งไว้ 7,400 ล้านบาท หรือเติบโต 318% โดยหากนับตั้งแต่บสท. เปิดดำเนินการปี 2544 สามารถขายเอ็นพีเอ 9,221 รายการ มูลค่ารวม 69,134 ล้านบาท ส่งผลให้ปัจจุบันคงเหลือเอ็นพีเอ 6,362 รายการ รวมมูลค่า 63,613 ล้านบาท

ด้านนายเชาวรัตน์  เชาวน์ชวานิล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานบริหารทรัพย์สิน บสท. กล่าวว่า บสท.รับโอนเอ็นพีแอลจากสถาบันการเงินมาจำนวน 7.7 แสนล้านบาท ได้ออกตั๋วสัญญาใช้เงิน 2.3 แสนล้านบาท ซึ่งไถ่ถอนตั๋วไปแล้ประมาณ 1.5-1.6 แสนล้านบาท เหลืออีกประมาณ 80,000 ล้านบาท  ซึ่งหลังจากปิดบสท.จะมีเงินไถ่ถอนตั๋วสัญญาใช้เงินทั้งหมด  และยังคงเหลือสินทรัพย์อีกประมาณ 1 แสนล้านบาท แบ่งเป็นเอ็นพีเอประมาณ 40,000 ล้านบาท และเอ็นพีแอล 40,000 ล้านบาท และมีสินทรัพย์ที่อยู่ระหว่างการบังคับคดีอีก 20,000 ล้านบาท  ซึ่งทั้งหมดจะเป็นรายได้ส่วนเกินหรือกำไร แต่จะต้องนำมาหักค่าใช้จ่ายต่างๆและเมื่อมีกำไรสุทธิจะต้องแบ่งคืนสถาบันการเงินที่โอนเอ็นพีแอลมาให้ตามเกณฑืที่กำไร  ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารระบุได้ จะเหลือเงินโอนเท่าไร แต่เชื่อว่ารัฐไม่ขาดทุนแน่นอน