ราคาน้ำมันดีเซลพุ่งเป็นลิตรละ 32 บาท ทำเศรษฐกิจชะลอ
ราคาน้ำมันดีเซลพุ่งเป็นลิตรละ 32 บาท ทำเศรษฐกิจชะลอ ของแพง เงินเฟ้อสูง ไม่ขึ้นดอกเบี้ย เจอปัญหาเงินไหลออก
ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ อดีตรองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ ม. รังสิต เห็นความจำเป็นที่รัฐบาลขยับเพดานการแทรกแซงราคาน้ำมันเป็น 32 บาทเพื่อลดภาระทางการคลังและอุดหนุนราคาให้สอดคล้องกับสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลก การใช้พลังงานอย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพมีความสำคัญและจำเป็นต่อเศรษฐกิจในสถานการณ์ความยืดเยื้อของสงครามระบอบปูตินรัสเซียและยูเครน แม้นแนวโน้มราคาน้ำมันจะไม่พุ่งขึ้นไปเหนือระดับ 130-150 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลอีกแล้วในช่วงเวลาที่เหลือของปี แต่ราคาน้ำมันจะยังคงทรงตัวในระดับสูงเหนือระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลไปอีกนาน
นอกจากนี้ หากเงินบาทอ่อนค่ามากๆ เราอาจจะเห็นราคาน้ำมันไปอยู่ที่เหนือระดับ 45 บาทต่อลิตรได้ หากรัฐบาลมีแนวทางแทรกแซงราคาน้ำมันไม่เกิน 5 บาทต่อลิตร หากสถานการณ์เลวร้ายเต็มที่เลย เราก็ไม่ควรต้องใช้น้ำมันดีเซลเกินราคา 37 บาทต่อลิตร
ทั้งนี้ การแทรกแซงราคาน้ำมันไปเรื่อยๆไม่อาจทำได้ในระยะยาวโดยเฉพาะการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน เพราะจะนำมาสู่ปัญหาเรื่องฐานะทางการคลังแน่นอน
ดร.อนุสรณ์ กล่าวว่า การที่รัฐบาลไม่แทรกแซงราคาน้ำมันก็จะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น โดยคาดว่า หลังการขยับเพดานราคาน้ำมันดีเซลขึ้นไปที่ระดับ 32 บาทต่อลิตร ประกอบกับการสิ้นสุดมาตรการลดภาษีสรรพสามิต 3 บาท จะทำให้อัตราเงินเฟ้อขึ้นจากระดับเฉลี่ยในระดับปัจจุบันอีกอย่างน้อย 1-2% ซึ่งเท่ากับว่า เราจะเจออัตราเงินเฟ้อในระดับ 7-8% ในช่วงปลายปี
อัตราเงินเฟ้อที่ระดับดังกล่าว จะกระทบแรงงานผู้มีเงินเดือนประจำ มากกว่า ผู้ประกอบการที่อาจผลักภาระให้ผู้บริโภคได้ ผู้ผลิตจะส่งผ่านต้นทุนเป็นทอดตลาดกระบวนการการผลิต นอกจากนี้ เงินเฟ้อสูงจะกระทบกับ เจ้าหนี้ มากกว่า ลูกหนี้ สิ่งที่จับตา คือ ราคาน้ำมัน ราคาสินโภคภัณฑ์โลกเกี่ยวเนื่องกับสงครามยูเครนจะเคลื่อนไหวอย่างไรต่อไป การส่งผ่านต้นทุนของผู้ประกอบการ และ ปัจจัยด้านอุปทานเกี่ยวกับการชะงักงันของห่วงโซ่อุปทานโลกและการขาดแคลนวัตถุดิบ
นอกจากนี้ หากอัตราดอกเบี้ยในประเทศไม่ปรับเพิ่ม เงินจะไหลออกจากบัญชีเงินฝากมาถือและลงทุนในทองคำมากขึ้น
ส่วนแนวโน้มราคาทองคำในตลาดโลกแม้อยู่ในช่วงขาขึ้นอยู่แต่ราคาจะชะลอลงจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในต่างประเทศโดยเฉพาะจากธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา การที่ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นก็เป็นผลจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและทำให้ต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือทองคำสูงขึ้น จึงกดราคาทองคำไม่ให้สูงขึ้นมาก เพราะการถือหรือลงทุนในทองคำไม่มีดอกเบี้ย ผลกำไรจากการถือและลงทุนในทองคำเป็นผลจากส่วนต่างของราคาซื้อขาย
ขณะที่ คริปโตเคอร์เรนซี่นั้นมีความเสี่ยงสูงกว่า ทองคำ มาก และ มีแนวโน้มเกิดฟองสบู่แตกอีกรอบหนึ่งหากทิศทางดอกเบี้ยโลกยังปรับเพิ่มขึ้นไปต่อเนื่อง


