posttoday

ยูโอบีช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่าปลูกต้นไม้1.3ล้านต้น

25 มีนาคม 2564

โครงการยู-โซลาร์ของยูโอบีช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วอาเซียน เทียบเท่าการปลูกต้นไม้ถึง 1.3 ล้านต้น

โครงการยู-โซลาร์ของยูโอบี ส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ทั่วภูมิภาคอาเซียนเกือบ 160 กิกะวัตต์-ชั่วโมง ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 77,200 ตันคาร์บอนไดออกไซต์เทียบเท่า (tCO2e) หลังเปิดตัวโครงการไปได้เพียงปีเศษๆ เมื่อเดือนตุลาคม 2562 ที่ผ่านมา การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจำนวนนี้เทียบเท่าการปลูกต้นไม้เกือบ 1.3 ล้านต้นในระยะเวลากว่า 10 ปี หรือลดการใช้รถยนต์ลงเกือบ 17,000 คันต่อปี

โครงการยู-โซลาร์ คือแพลตฟอร์มที่สนับสนุนระบบนิเวศของอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์แห่งแรกของเอเชีย เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาและส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โครงการนี้เปิดตัวแล้วในประเทศไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย และสิงคโปร์ โดยนำเสนอโซลูชันทางการเงินครบวงจรแก่ธุรกิจและผู้บริโภคทั่วภูมิภาค เพื่อสนับสนุนการพัฒนาและส่งเสริมการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ อาทิ การบริหารเงินสด สินเชื่อเพื่อสิ่งแวดล้อมสำหรับผู้พัฒนาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ และโซลูชันทางการเงินตามสัญญาซึ่งครอบคลุมในทุกเรื่องสำหรับผู้รับเหมางานวิศวกรรม จัดหา ก่อสร้าง และทดสอบ (EPCC)

นอกจากนี้ ธนาคารยูโอบียังเสนอบริการผ่อนชำระในอัตราดอกเบี้ยร้อยละศูนย์แก่เจ้าของบ้านที่เปลี่ยนมาใช้พลังงานแสงอาทิตย์ผ่านความร่วมมือกับผู้ให้บริการพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศ ในปี 2563 ธนาคารยูโอบีจับมือพันธมิตรด้าน EPCC อีก 3 แห่งเข้าร่วมเครือข่ายพันธมิตรในโครงการยู-โซลาร์ ได้แก่ บริษัท PT Selaras Daya Utama ในอินโดนีเซีย บริษัท Pekat Solar Sdn Bhd ในมาเลเซีย และบริษัท BECIS-Symbior ในประเทศไทย รวมมีบริษัทเข้าร่วมโครงการแล้ว 14 แห่งทั่วภูมิภาค5 ซึ่งช่วยให้ธนาคารส่งต่อประโยชน์ของโครงการยู-โซลาร์แก่บริษัทและผู้บริโภคทั่วภูมิภาคอาเซียนได้มากขึ้น

นายเฟรดเดอริก ชิน รองประธาน กลุ่มธุรกิจ wholesale banking ธนาคารยูโอบี กล่าวว่า “การระบาดของโควิดทั่วโลกครั้งนี้เน้นย้ำให้เห็นถึงความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับเราทุกคน ไม่ว่าจะในระดับประเทศ บริษัท ชุมชน หรือตัวบุคคล ที่ต้องคำนึงถึงความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น ในฐานะที่ธนาคารยูโอบีเป็นหนึ่งในสถาบันการเงินในภูมิภาคนี้ เราตระหนักดีถึงบทบาทของเราที่มีต่อความเป็นอยู่ทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม เราจึงสนับสนุนการขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์และส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน ในขณะเดียวกัน ก็ช่วยผลักดันให้ภูมิภาคก้าวไปสู่ระบบเศรษฐกิจแบบคาร์บอนต่ำยิ่งขึ้น โดยผ่านโครงการยู-โซลาร์ ธนาคารยูโอบี พร้อมพันธมิตรและลูกค้า ขอเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างอนาคตที่ยั่งยื่นเพื่อภูมิภาคอาเซียนที่ดียิ่งขึ้น”

โครงการยู-โซลาร์เป็นส่วนหนึ่งของกรอบแนวคิดการเข้าถึงเงินทุนที่ยั่งยืนเพื่อเมืองอัจฉริยะของยูโอบี6 (UOB Smart City Sustainable Finance Framework) ซึ่งเป็นเกณฑ์การให้เงินทุนของธนาคารเพื่อสนับสนุนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะที่ยั่งยืนทั่วภูมิภาค

โครงการยู-โซลาร์มีส่วนช่วยส่งเสริมวาระพลังงานทางเลือกของประเทศไทย ยูโอบี ประเทศไทย สนับสนุนเงินทุนผ่านโครงการยู-โซลาร์ แก่โครงการยักษ์ใหญ่สี่โครงการ ซึ่งผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ได้ 74.5 กิกะวัตต์-ชั่วโมง ณ สิ้นปี 2563 เทียบเท่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจำนวน 33,755 ตันคาร์บอนไดออกไซต์เทียบเท่า หรือคิดเป็นร้อยละ 44 ของการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดในภูมิภาคของโครงการยู-โซลาร์

หนึ่งในสินเชื่อที่อนุมัติผ่านโครงการนี้ คือ การอนุมัติสินเชื่อที่สูงเป็นประวัติการณ์จำนวน 1.26 พันล้านบาทเมื่อเดือนธันวาคม 2563 .ให้แก่บริษัท BECIS-Symbior หนึ่งในผู้นำด้านการพัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์ในเอเชีย เพื่อดำเนินโครงการแผงโซลาร์เซลล์ โครงการนี้ถือเป็นสินเชื่อโครงการเพื่อสิ่งแวดล้อมมูลค่าสูงสุดในภาคพาณิชย์และอุตสาหกรรมในประเทศไทย และได้รับรางวัล Best Green Loan ในประเทศไทย ในสาขา Sustainable Finance จาก The Asset Triple A Country Awards 2020

บริษัท BECIS-Symbior ยังเป็นอีกหนึ่งพันธมิตรในโครงการยู-โซลาร์ที่ให้การส่งเสริมการเปลี่ยนมาสู่พลังงานแสงอาทิตย์ โดยการสนับสนุนและส่งเสริมการใช้โซลูชันพลังงานสะอาด และนำเสนอแพลตฟอร์มด้านบริการพลังงานแบบ energy-as-a-service (EaaS) ราคาประหยัดแก่ลูกค้ากลุ่มพาณิชย์และอุตสาหกรรม

นายฟลอเรียน เบนน์โฮลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ BECIS-Symbior กล่าวว่า “BECIS-Symbior ยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการยู-โซลาร์ ในฐานะพันธมิตรที่มีพันธกิจเดียวกันกับธนาคารยูโอบีในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน BECIS-Symbior ร่วมมือกับธนาคารยูโอบี เพื่อสนับสนุนลูกค้าและส่งเสริมการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในภูมิภาค ช่วยให้ลูกค้าลดพิมพ์เขียวสิ่งแวดล้อม และยังทำกำไรได้ ผ่านโครงการสินเชื่อเพื่อสิ่งแวดล้อมของยูโอบี”

นายแอนดี้ เฉี่ย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจ wholesale banking ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย เสริมว่า “รัฐบาลไทยออกมาตรการในระดับนโยบายเพื่อสนับสนุนการลงทุนที่ยั่งยืนมากขึ้น โดยมีจุดประสงค์เพื่อขับเคลื่อนความพยายามด้านความยั่งยืนของประเทศ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในพันธกิจเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ภายใต้ความตกลงปารีสตามกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เราเชื่อว่าโครงการยู-โซลาร์จะช่วยพัฒนาพลังงานทางเลือก ตามแผนระยะยาวของประเทศ ซึ่งตั้งเป้าที่ร้อยละ 30 ของการใช้พลังงานทั้งหมดภายในปี 2579”

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการยู-โซลาร์ได้ที่ www.UOBgroup.com/U-Solar