posttoday

คลังแจงคนแห่รอจองคนละครึ่งกว่า3ล้านคน

20 มกราคม 2564

คลังแจงลงทะเบียนคนละครึ่งคนจ่อรอกว่า 3 ล้านคน ส่วนปัญหาได้ OTP ช้าเป็นเรื่องของผู้ให้บริการตามลำดับ

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การลงการลงทะเบียนคนละครึ่ง 1.34 ล้านสิทธิ เพื่อรับวงเงินใช้จ่าย 3,500 บาท ในวันที่ 20 ม.ค. 2564 ตั้งแต่เวลา 06.00 น. เต็มแล้วเมื่อเวลา 06.09 น. หรือ 9 นาที เนื่องจากมีผู้สนใจจำนวนมาก มีคนเข้ามาในระบบรอก่อน 06.00 น. ถึงกว่า 3 ล้านคน ส่งผลให้ทำมีผู้พลาดหวังไม่ได้สิทธิไปประมาณ 2 ล้านคน

ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เรื่องระบบการลงทะเบียนคนละครึ่งผ่าน www.คนละครึ่ง.com ที่ธนาคากรุงไทย เป็นผู้ดูแลไม่มีปัญหา ถึงแม้จะมีคนเข้ามารอจำนวนมาก ส่วนปัญหาเรื่องที่ผู้ลงทะเบียนได้รับหมายเลข OTP ล่าช้า เป็นเรื่องของผู้บริการโทรศัพท์ ที่เข้าใจว่าก็ได้พยายามส่งหมายเลข OTP ไปตามลำดับ

ด้านนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวว่า จะมีโครงการคนละครึ่งเฟส 3 หรือไม่ ต้องขึ้นอยู่กับฝ่ายนโยบาย ซึ่งในส่วนของกระทรวงการคลังก็ได้ติดตามผลกระทบเศรษฐกิจที่ได้รับจากโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมาได้มีการออกมาตรการไปจำนวนมากให้ครอบคลุมทุกกลุ่มในระดับหนึ่งแล้ว

ขณะที่นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงาน เศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ผู้ที่ลงทะเบียนสำเร็จและได้รับข้อความ SMS แจ้งยืนยันการได้รับสิทธิแล้วจะต้องติดตั้งแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” รวมทั้งยืนยันตัวตนให้เรียบร้อยจึงจะสามารถใช้จ่ายกับร้านค้าที่มีแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ที่เข้าร่วมโครงการได้ ทั้งนี้ จะเริ่มใช้จ่ายได้ตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม 2564 จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2564

นอกจากนี้ สำหรับความคืบหน้าล่าสุด ณ วันที่ 18 มกราคม 2564 เวลา 21.00 น. มีร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 1.1 ล้านร้านค้า และมีผู้ใช้สิทธิแล้วจำนวน 13,655,380 คน โดยมียอดการใช้จ่ายสะสม 66,967 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 34,260.9 ล้านบาท และภาครัฐร่วมจ่ายอีก 32,760.1 ล้านบาท โดยจังหวัดที่มีการใช้จ่ายสะสมมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ชลบุรี สงขลา เชียงใหม่ และนครศรีธรรมราช ตามลำดับ

โฆษกกระทรวงการคลังยังขอเน้นย้ำให้ประชาชนและร้านค้าปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขของโครงการ และอย่าหลงเชื่อการเชิญชวนตามโฆษณาผ่านช่องทางต่าง ๆ ของผู้ไม่หวังดีที่เสนอจะช่วยหาประโยชน์จากโครงการโดยไม่ได้ทำการซื้อขายสินค้าจริง เนื่องจากภาครัฐยังติดตามตรวจสอบพฤติกรรมหรือธุรกรรมที่ผิดปกติอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากตรวจพบจะดำเนินการระงับการจ่ายเงินทั้งฝั่งร้านค้าและประชาชนทันที รวมทั้งจะดำเนินการตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดและกฎหมายที่เกี่ยวข้องด้วย