posttoday

เศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดแล้ว

05 ธันวาคม 2563

รัฐบาลมั่นใจเศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดแล้ว และจะขยายตัวได้เนื่องในปี 2564

นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 2563 นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว. พลังงาน เดินทางมาตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการดำเนินงานแก่กระทรวงการคลัง โดยมีนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกระทรวงการคลัง ให้การต้อนรับ โดยรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน ได้กล่าวในที่ประชุมมีรายละเอียดดังนี้

1. ในปัจจุบันเศรษฐกิจไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาสที่ 2 และมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี 2563 โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการดำเนินมาตรการของกระทรวงการคลังที่ดูแลและเยียวยาผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์โควิด-19 รวมถึงโครงการคนละครึ่งที่กระทรวงการคลังได้นำดำริของนายกรัฐมนตรีมาดำเนินการจนเห็นผลชัดเจน ทั้งนี้ มั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2564 จะสามารถฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง

เศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดแล้ว

2. ในด้านนโยบาย กระทรวงการคลังควรมุ่งเน้นภารกิจใน 3 เรื่องได้แก่

1) ภารกิจด้านนโยบายการคลังการเงิน เช่น การปฏิรูปโครงสร้างภาษีให้เหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมการดูแลภาวะสินเชื่อของภาคธุรกิจและหนี้สินของภาคประชาชน เพื่อให้สามารถผ่านพ้นสถานการณ์โควิด-19 ได้

2) ภารกิจการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจที่มุ่งสู่การพัฒนาของอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่อุตสาหกรรมดิจิทัลและอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร เป็นต้น เพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจสูง รวมทั้งปรับโครงสร้างภาคการผลิตของไทยให้เข้าสู่มาตรฐานสากล

3) ภารกิจการปรับกฎเกณฑ์และระเบียบต่าง ๆเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน ความโปร่งใส มีความคล่องตัวและอำนวยความสะดวกต่อประชาชนมากขึ้น

รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า สถานการณ์โควิด-19ในช่วงที่ผ่านมาถือเป็นปัจจัยเร่งรัดให้การดำเนินนโยบายเศรษฐกิจต้องทันสถานการณ์ โปร่งใส ตรงกลุ่มเป้าหมาย โดยยังคงรักษาไว้ซึ่งวินัยทางการเงินการคลัง นอกจากนี้ หน่วยงานด้านเศรษฐกิจต่าง ๆ จำเป็นต้องประสานความร่วมมือด้านนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจและกำหนดนโยบายเพื่อการพัฒนาประเทศในอนาคต

นอกจากนี้ รมว.คลัง กล่าวเสริมว่า นอกจากภารกิจงานในด้านต่างๆ ตามที่รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ได้มอบหมายข้างต้นแล้ว กระทรวงการคลังจะได้มุ่งเน้นการพัฒนาระบบภาษีการบริหารรายได้ของรัฐบาล และการรักษาวินัยการเงินการคลัง การปรับปรุงการปฏิบัติงานของส่วนราชการในสังกัดกระทรวงการคลังให้เอื้ออำนวยต่อการดำเนินธุรกิจของภาคเอกชน (Ease of Doing Business)รวมทั้งดำเนินมาตรการเพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ