สภาพัฒน์แจงเงินกู้1ล้านล้านไม่ช่วยเศรษฐกิจโต

นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ เปิดเผยว่า การใช้เงินจาก พ.ร.ก. กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ใช้เพื่อการเยียวยา 5.55 แสนล้านบาท ขณะนี้ได้ใช้สำหรับการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับความเดือนร้อนจากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ไปแล้ว 37 ล้านคน และกลุ่มเปราะบางอีก 14 ล้านคน คงเหลืองบประมาณในส่วนนี้อีกราว 1.9 แสนล้านบาท ส่วนอีก 4.5 หมื่นล้านบาท เป็นงบที่ใช้สำหรับการพัฒนาด้านสาธารณสุขของไทยในส่วนที่เกี่ยวกับแผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

นอกจากนี้ ยังมีงบประมาณที่เหลืออีก 4 แสนล้านบาท จะเป็นงบประมาณที่ใช้สำหรับการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานราก โดยงบประมาณในส่วนของ 4 แสนล้านบาทนี้ จะเน้นลงทุนในส่วนของกิจกรรมหรือโครงการพัฒนาที่สามารถพลิกฟื้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชน การกระตุ้นการบริโภคภายในครัวเรือนและเอกชน

"เงินก้อน 4 แสนล้านบาท ใช้เป็นเหมือนหัวเชื้อสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้กับประเทศไทย คณะกรรมการกลั่นกรองฯ ได้เริ่มต้นพิจารณาโครงการแล้ว คาดว่าจะลงสู่ภาคปฏิบัติตั้งแต่ ก.ค.เป็นต้นไป โดยเน้นความโปร่งใส และการมีส่วนร่วม" นายทศพร กล่าว

นายทศพร กล่าวว่า พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ไม่ได้คิดว่าจะกู้มาเพื่อสร้างความเจริญเติบโตให้กับเศรษฐกิจ มีเป้าหมายเพียงแค่เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบและประคองสถานการณ์เท่านั้น ส่วนงบที่เหลืออีก 1.9 แสนล้านบาท จะนำไปใช้เยียวยาในโครงการอะไร ยังไม่มีรายละเอียด แต่ก็ต้องกันเงินไว้เพื่อเตรียมพร้อมโครงการที่จำเป็นในอนาคต

ทั้งนี้ สภาพัฒน์ประกาศการขยายตัวเศรษฐกิจไตรมาส 1 ปี 2563 ขยายตัวติดลบ 1.8% และทั้งปีคาดว่าจะขยายตัวติดลบ 5-6% โดยคาดว่าเศรษฐกิจไตรมาส 2 จะขยายตัวติดลบมากสุด มูลค่าการส่งออกสินค้าทั้งปีติดลบ 8.0% การบริโภคภาคเอกชนติดลบ 1.7% และการลงทุนรวมติดลบ 2.1%