เลื่อนเคาะหวยออนไลน์หนีโควิด-19

นายธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า สำนักงานสลากฯ เลื่อนเปิดรับฟังประชาพิจารณ์การจำหน่ายสลากผลิตภัณฑ์ใหม่รูปแบบออนไลน์ จากเดิมที่จะเปิดรับฟังความเห็นและให้ทดลองเล่นผ่านเว็ปไซด์ในเดือน มี.ค. ออกไปเป็นภายในปี 2563 หรือจนกว่าสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) จะคลี่คลายลง โดยสำนักงานสลากยังยืนยันว่า มีความจำเป็นที่จะต้องขายสลากแบบออนไลน์ เพื่อแก้ไขปัญหาสลากกินแบ่งรัฐบาล (ลอตเตอรี่) ที่จำหน่ายเกินราคาอยู่ในปัจจุบัน

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาสำนักงานเห็นชอบดำเนินการสลากออนไลน์แบบ 12 นักษัตร แต่เนื่องจากได้รับข้อแนะนำจากสังคมเป็นวงกว้างใน 4 ประเด็นคือ

1. เป็นการเพิ่มการมอมเมาให้ผู้เล่นหน้าใหม่

2. แก้ไขปัญหาสลากไม่ตรงจุด

3. ไม่สามารถแก้ไขปัญหาลอตเตอรี่เกินราคาได้

4. ผลกระทบต่อผู้ค้าลอตเตอรี่เดิมและมิติในเชิงสังคม ทั้งนี้ สำนักงานฯ จึงนำกลับมาทบทวนอีกครั้ง ซึ่งพบว่าปัจจุบันยังมีการรวมชุด ขายเกินราคา ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ทำให้คณะกรรมการสลากเห็นชอบ ต้องมีการขายแบบออนไลน์ต่อไป

นายธนวรรธน์ กล่าวว่า สำนักงานได้สรุปแนวทางรูปแบบสลากออนไลน์ 4 แนวทาง ที่เตรียมเปิดประชาพิจารณ์ คือ 1. สลากแบบ 12 นักษัตร ซึ่งเป็นสลากแบบภาพเดิม

2. สลากแบบตัวเลข 3 ตัว

3. สลากแบบลอตโต ซึ่งเป็นแนวทางที่ต่างประเทศใช้

4. สลากแบบเลข 6 หลัก ที่เป็นการนำลอตเตอรี่ มาขายแบบออนไลน์ ซึ่งเป็นแนวทางที่ตอบโจทย์ที่สุด เพราะไม่ได้เป็นการส่งเสริมให้มีการเล่น เป็นเกมรูปแบบเก่า แต่เปลี่ยนมาขายแบบออนไลน์ให้ผู้ซื้อ ซื้อในราคา 80 บาท ได้ เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง

“สำนักงานคาดว่าจะสามารถเปิดประชาพิจารณ์ได้ภายในปีนี้ ในขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็นจากสังคม ถ้าเสียงส่วนใหญ่เห็นว่า ไม่จำเป็นต้องออกสลากออนไลน์รูปแบบใดๆเลย ปฏิเสธทุกรูปแบบ ก็ต้องยุติแนวทางออกสลากออนไลน์ไป แต่ถ้าเห็นว่า มีรูปแบบเกมที่แก้ปัญหาได้ ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการพิจารณา เข้าคณะกรรมการสลากฯ ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี พิจารณาต่อไป”นายธนวรรธน์ กล่าว

พ.ต.อ.บุญส่ง จันทรีศรี ผู้อำนวยการ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า ในช่วงที่โควิด -19 ระบาด ยังไม่มีผลกระทบต่อการขายลอตเตอรี่ ซึ่งพบว่า ในระบบโควตา และระบบจองซื้อ ยังมียอดขาย 100 ล้านฉบับเต็มเพดานทุกงวด แต่อย่างไรก็ตาม ขอให้ผู้ขายสลากพิจารณาภาวะเศรษฐกิจ และกำลังซื้อที่อาจจะชะลอตัวลงไปบ้าง ก่อนรับสลากไปจำหน่าย เพื่อป้องกันปัญหาขายสลากไม่หมด มีปัญหากับสภาพคล่อง

ทั้งนี้ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลได้ให้ศูนย์วิจัยแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พร้อมด้วยกลุ่มบริษัท โอกิลวี่ ประเทศไทย (Ogilvy Thailand) และ ซูเปอร์ยูเนียน (Super Union) ปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์และโฆษณาประชาสัมพันธ์ เน้นปลูกฝังความเข้าใจเรื่องการสร้างแบรนด์ในกลุ่มพนักงาน และสื่อสารสู่ประชาชนในวงกว้าง โดยกิจกรรมขับเคลื่อนการปรับภาพลักษณ์ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลในเบื้องต้นประกอบด้วย การจัดฝึกอบรมพนักงานที่เน้นพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานและการใช้เทคโนโลยีมากขึ้น การจัดโครงการ “GLO Brand Ambassador” เพื่อเฟ้นหาตัวแทนผู้ส่งต่อวิสัยทัศน์และวัฒนธรรมองค์กร การจัดทำเครื่องแบบใหม่ให้กับพนักงาน ตลอดจนการเปิดตัวสื่อประชาสัมพันธ์ทั้งภายในและภายนอกสำนักงานสลากฯ