posttoday

อินโดรามา ปิดดีลประวัติศาสตร์ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

07 มกราคม 2563

เข้าซื้อเอทิลีนออกไซด์และโพรพิลีนออกไซด์ของบริษัท Huntsman ที่มีฐานผลิตใหญ่ในสหรัฐ อินเดีย และออสเตรเลีย

เข้าซื้อเอทิลีนออกไซด์และโพรพิลีนออกไซด์ของบริษัท Huntsman ที่มีฐานผลิตใหญ่ในสหรัฐ อินเดีย และออสเตรเลีย

นายอาลก โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL)ผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ชั้นนำระดับโลก เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้บรรลุการเข้าซื้อธุรกิจออกไซด์แบบบูรณาการและอนุพันธ์ระดับโลกของบริษัท Huntsman ซึ่งรวมถึงฐานการผลิตสำคัญขนาดใหญ่บริเวณพื้นที่ชายฝั่งสหรัฐอเมริกา ที่เมือง Port Neches รวมทั้งแห่งอื่นๆ ในเมือง Chocolate Bayou และเมือง Dayton ในรัฐเท็กซัส เมือง Ankleshwar ในประเทศอินเดีย และเมือง Botany ในประเทศออสเตรเลีย

กิจการที่เข้าซื้อในครั้งนี้ถือเป็นธุรกิจที่สร้างผลกำไรและมีการเติบโต ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีความเฉพาะตัวและที่ตั้งของกิจการที่โดดเด่น ท่ามกลางอุตสาหกรรมโอเลฟินส์ที่มีผู้ประกอบการจำนวนมาก เป็นกิจการที่มีสินทรัพย์การผลิตแบบบูรณาการ พร้อมด้วยโครงสร้างพื้นฐานครบครันและโอกาสในการขยายตัวในอนาคต พื้นที่ของกิจการอยู่ใกล้กับผู้จัดหาสารตั้งต้นหลายรายบริเวณพื้นที่ชายฝั่งสหรัฐฯ ด้วยมูลค่าเทียบเท่าเงินสด 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 6 หมื่นล้านบาท)  ถือเป็นการเข้าซื้อกิจการที่ใหญ่ที่สุดของIVL

ทำให้ปัจจุบันบริษัทฯ มีการจัดสรรสินทรัพย์ที่ลงทุนในธุรกิจอย่างลงตัวทั้งในธุรกิจพลาสติก เคมีภัณฑ์ และเส้นใย มูลค่าของธุรกรรมคิดเป็น EV/EBITDA 5.7 เท่า และคาดว่าจะส่งผลดีต่อภาพรวมการดำเนินธุรกิจอย่างมีนัยยะสำคัญให้กับธุรกิจ Ethane/Propane ของไอวีแอลในปัจจุบัน ที่มีกำลังการผลิต 460 กิโลตันต่อปี และธุรกิจ EO/EG ที่มีกำลังการผลิต 550 กิโลตันต่อปี ซึ่งจะทำให้ไอวีแอลสามารถบูรณาการการผลิตตั้งแต่อีเทนไปจนถึง PET รวมทั้งเพิ่มอนุพันธ์ EO และ PO ที่สร้างผลกำไรสูงให้กับธุรกิจของไอวีแอล

การเข้าซื้อกิจการนี้จะช่วยปูทางเข้าสู่ตลาดและอุตสาหกรรมพิเศษเฉพาะกลุ่ม รองรับความต้องการของผู้บริโภคที่เติบโตอย่างต่อเนื่องประมาณร้อยละ 5 เคมีภัณฑ์เหล่านี้นำไปใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลบ้านและดูแลส่วนบุคคล อาทิ ผงซักฟอก น้ำยาทำความสะอาด แชมพู เฟอร์นิเจอร์ ชิ้นส่วนยานยนต์ เชื้อเพลิง และน้ำมันหล่อลื่น นอกจากนี้ ยังมีโอกาสในธุรกิจใหม่และน่าตื่นเต้นอย่างเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร อาทิ สารกำจัดวัชพืช และโพลีเอสเตอร์เรซินชนิดไม่อิ่มตัวสำหรับเคลือบผิววัสดุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานในน้ำ

การทำงานร่วมกันนี้จะสามารถทำให้กำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ยจ่าย และค่าเสื่อมราคา (อีบิตดา) เพิ่มขึ้นอีก 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2564 นอกจากนี้ งบประมาณลงทุนที่
วางแผนไว้สำหรับธุรกิจสารลดแรงตึงผิวมูลค่าเพิ่มสูงจะค่อยๆ เพิ่มอีบิตดาขึ้นอีก 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2565 การทำธุรกรรมนี้ใช้เงินทุนจากกระแสเงินสดภายในและการจัดหาเงินกู้โดยไม่กระทบส่วนของผู้ถือหุ้น