posttoday

สรรพากรลุยเก็บภาษีร้านค้าออนไลน์ชุดใหญ่

19 ธันวาคม 2562

สรรพากรต้อนร้านค้าออนไลน์ 1.7 แสนราย เข้าระบบ ดันกฎหมายเก็บภาษีบริษัทอีคอมเมิร์ซต้องเสียภาษีในปี 64 เพิ่มภาษีอีก 4,000 ล้านบาท

สรรพากรต้อนร้านค้าออนไลน์ 1.7 แสนราย เข้าระบบ ดันกฎหมายเก็บภาษีบริษัทอีคอมเมิร์ซต้องเสียภาษีในปี 64 เพิ่มภาษีอีก 4,000 ล้านบาท

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ในปี 2563 กรมตั้งเป้าหมายติดตามผู้ประกอบการร้านค้าออนไลน์ ที่ขายของผ่านโซเชียลมีเดีย เช่น เฟสบุ๊ค อินสตราแกรม ที่ยังเสียภาษีไม่ถูกต้อง ประมาณ 1.7 แสนราย ให้เข้าสู่ระบบภาษี หลังจากปี 2562 มีผู้ค้าออนไลน์ดังกล่าวเข้ามาอยู่ในระบบภาษีถูกต้องจำนวน 1 แสนราย ทำให้เก็บภาษีเพิ่มขึ้นประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยการยื่นแบบเสียภาษีเงินได้ปี 2562 ที่เริ่มวันที่ 1 ม.ค.- 31 มี.ค.2563 ขอให้ผู้ที่มีรายได้จากการขายของออนไลน์ มายื่นแบบเสียภาษีให้ถูกต้อง เพื่อไม่ให้เสียเบี้ยปรับ เงินเพิ่ม

ปัจจุบันกรมได้ตั้งกองสำรวจธุรกิจนอกระบบ เข้ามาติดตามการเสียภาษีออนไลน์ให้ถูกต้อง มีการใช้ระบบเทคโนโลยีตรวจสอบทำให้รู้ว่า ยังมีผู้ขายของออนไลน์เสียภาษีไม่ถูกต้องอีกมาก ซึ่งกรมต้องการสร้างความเป็นธรรมกับผู้ที่มีหน้าร้านค้าขายเสียภาษีถูกต้องทำให้เกิดความได้เปรียบ

“หน้าที่ของกรมคือต้องไม่เปิดโอกาสให้คนที่หลบภาษี ได้ดีกว่าคนที่จ่ายภาษี ไม่อย่างนั้นประเทศไทยจะอยู่ไม่ได้ ”นายเอกนิติ กล่าว

นายเอกนิติ กล่าวว่า ในการยื่นแบบเสียภาษีปี 2561 ที่ผ่านมา (ม.ค.-มี.ค.2562) มีผู้ยื่นแบบเสียภาษีรวม 10.7 ล้านราย เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่ 10 ล้านราย โดยกรมตั้งเป้าหมายผู้ที่ยื่นแบบเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปี 2562 คาดว่าจะเข้าสู่ระบบได้ไม่ต่ำกว่า 11 ล้านราย ส่วนหนึ่งก็มาจากรายได้ผู้ขายของออนไลน์ รวมทั้งกรมได้พัฒนาแอพพลิเคชั่น ร่วมกับสตาร์ทอัพ เพื่ออำนวยความสะดวกในการชำระภาษี และนำดิจิทัลมาใช้ในการยื่นแบบทางอินเตอร์เน็ต ถ้ายื่นแบบครบ ไม่มีหลบเลี่ยง กรมจะคืนภาษีให้ทันทีภายใน 3 วัน ผ่านพร้อมเพย์ทั้งหมด

นายเอกนิติ กล่าวว่า กรมเตรียมยกเลิกยกเว้นการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) 7% กับสินค้าที่สั่งซื้อออนไลน์และส่งไปรษณีย์เข้ามาจากต่างประเทศทุกชนิดราคาที่มีมูลค่าไม่เกิน 1,500 บาท ซึ่งคาดว่าจะมีผลภายในปี 2563

ส่วนการจัดเก็บภาษีจากผู้ประกอบการที่มีรายได้จากธุรกิจการให้บริการระหว่างประเทศ กรมอยู่ระหว่างผลักดันร่างพระราชบัญญัติรองรับการจัดเก็บภาษีจากผู้ประกอบการธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (e-Business) ที่จัดเก็บภาษีแวตจากการให้บริการในต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้ามาให้ความสำคัญเอง อยู่ระหว่างพิจารณารายมาตรา คาดว่าจะผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรและออกเป็นกฎหมายในปี 2563 มีผลบังคับใช้และจัดเก็บภาษีได้จริงในปี 2564 โดยกรมคาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 4,000 ล้านบาท

สำหรับกฎหมาย e-Business ทำให้กรมมีอำนาจในการบังคับให้บริษัทต่างชาติที่มาให้บริการ เช่น เปิดให้ บริการดาวน์โหลดเพลง หนัง เกม หรือเป็นแพลตฟอร์มสำหรับขายสินค้าในประเทศไทย ต้องมาเสียมูลค่าเพิ่ม ให้ผู้ประกอบการต่างชาติต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในไทย จากการหารือบริษัทขนาดใหญ่พร้อมที่จะร่วมมือ แต่ขอให้มีกฎหมายออกมา มันจะช่วยสร้างความเป็นธรรมผู้ประกอบการไทย และหากมีการหลบเลี่ยงภาษี กฎหมายก็ให้อำนาจในการร่วมมือกับหน่วยงานต่างประเทศ ในการตรวจสอบการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างประเทศ หรือ Exchange of Information เพื่อติดตามผู้ประกอบการต่างชาติมาเสียภาษีให้ถูกต้อง