posttoday

กบข.ยกเครื่องใหญ่ ลุยลงทุนตปท. เน้นผลตอบแทนมั่นคงปีละ4%

05 ธันวาคม 2562

กบข. ปรับยุทธศาสตร์ลงทุนใหญ่ เพิ่มลงทุนต่างประเทศผลตอบแทนสูงความเสี่ยงต่ำ สร้างผลตอบแทนสมาชิกให้มีเสถียรภาพปีละ 4%

กบข. ปรับยุทธศาสตร์ลงทุนใหญ่ เพิ่มลงทุนต่างประเทศผลตอบแทนสูงความเสี่ยงต่ำ สร้างผลตอบแทนสมาชิกให้มีเสถียรภาพปีละ 4%

นายวิทัย รัตนากร เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กบข. เปิดเผยว่า กบข. ประเมินทิศทางการลงทุนในอนาคตจะอยู่ในสภาวะที่ผลตอบแทนมีความผันผวนสูงจากแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่มีอัตราการเติบโตชะลอตัวลง และจากความไม่แน่นอนของสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา

ดังนั้น แนวทางการบริหารเงินลงทุนของ กบข. ในระยะถัดไป จะมุ่งเน้นการสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ (Stability of Return) โดยตั้งเป้าผลตอบแทนที่ประมาณ 4% ในช่วงระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า (2562-2564)

การปรับทิศทางการลงทุนในครั้งนี้ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการสร้างเงินออมยามเกษียณที่เพียงพอของสมาชิก ซึ่ง กบข. ตั้งเป้าความเพียงพอให้สมาชิกมีเงินออมเมื่อเกษียณเท่ากับ 80% ของเงินเดือนเดือนสุดท้าย และไม่น้อยกว่า Percentile ที่ 70% ของรายได้พึงมีเมื่อเกษียณ (Minimum Lum Sum)

กบข.ยกเครื่องใหญ่ ลุยลงทุนตปท. เน้นผลตอบแทนมั่นคงปีละ4%

ทั้งนี้ เป้าหมายของการลงทุนที่เน้นความสม่ำเสมอของผลตอบแทน (Stability of Return) สอดคล้องกับผลการสำรวจความต้องการของสมาชิกที่ กบข. ร่วมจัดทำกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งพบว่าสมาชิกส่วนใหญ่ต้องการให้ กบข. มีผลตอบแทนสม่ำเสมอ อาจไม่ต้องเป็นผลตอบแทนที่สูงมากนัก แต่ที่สำคัญคือต้องไม่ขาดทุนนั่นเอง

นายวิทัย กล่าวว่า การปรับสู่การสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอในช่วงที่เศรษฐกิจมีความผันผวนสูงเช่นนี้ ทำให้ กบข. ต้องปรับพอร์ตการลงทุน โดยเพิ่มการลงทุนในกลุ่มสินทรัพย์ทางเลือกต่างประเทศ (Alternative Assets) ได้แก่ สินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure), อสังหาริมทรัพย์ (Real Estate), (Private Equity) และ Absolute Return Fund เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอและมีความผันผวนต่ำ รวมทั้ง เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศเมื่อภาวการณ์ลงทุนเหมาะสม ซึ่งจะเป็นการกระจายความเสี่ยงของการลงทุนและลดการกระจุกตัวของการลงทุนภายในประเทศ ทำให้ความเสี่ยงโดยรวมลดลง รวมถึงมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สม่ำเสมอมากขึ้น นอกจากนี้ กบข. จะเพิ่มการใช้เครื่องป้องกันความเสี่ยงทางการเงิน (Derivatives) เพื่อลดความเสี่ยงจากการผันผวนของตลาดหุ้นและอัตราแลกเปลี่ยนอีกทางหนึ่งด้วย

กบข.ยกเครื่องใหญ่ ลุยลงทุนตปท. เน้นผลตอบแทนมั่นคงปีละ4%

ทั้งนี้ ในระยะเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา กบข. ได้ดำเนินการเตรียมความพร้อมและหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขยายเพดานการลงทุนต่างประเทศเพิ่มจาก 30% เป็น 40% ของสินทรัพย์รวมมาโดยตลอด สำหรับสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นนั้น ในเบื้องต้นคาดว่าจะถูกกระจายลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ ได้แก่ สินทรัพย์ทางเลือกต่างประเทศ (Infrastructure, Real Estate และ Private Equity) รวม 4%, Absolute Return Fund 1.5%, ตลาดหุ้นต่างประเทศ 1.5% และตราสารหนี้โลก 3.0%

"ปี 2562 กบข. สร้างผลตอบแทนให้สมาชิกได้ 5% ซึ่งถือว่าสูง แต่การสร้างผลตอบแทนให้กับสมาชิกต่อไปจะเน้นเสถียรภาพปีละ 4% ไม่จำเป็นต้องสร้างผลตอบแทนชนะตลาดเสมอไป เพราะบางปีตลาดผลตอบแทน 5% กบข. ได้ 6-7% แต่บางปีผลตอบแทนของตลาด -5% กบข. ทำได้ -3% ชนะตลาดได้ก็จริงแต่ไม่มีประโยชน์อะไรกับสมาชิก เพราะผลตอบแทนที่ได้มีความผันผวนและความเสียงสูง ไม่มีเสถียรภาพ" นายวิทัย กล่าว

กบข.ยกเครื่องใหญ่ ลุยลงทุนตปท. เน้นผลตอบแทนมั่นคงปีละ4%

นายวิทัย กล่าวว่า นักลงทุุนส่วนใหญ่ยังมีความเชื่อว่าการลงทุนในประเทศ มีผลตอบแทนสูงและความเสี่ยงต่ำ แต่ในความเป็นจริงการลงทุนในต่างประเทศให้ผลตอบแทนสูงและมีความเสี่ยงต่ำกว่าลงทุนในประเทศไทย โดย กบข. ได้เน้นการลงทุนในต่างประเทศมากกว่า 1 ปี แล้ว จนการลงทุนเต็มเพดานที่กฎหมายกำหนดว่าให้นำเงินไปลงทุนได้ไม่เกิน 30% จึงเป็นที่มาขอเพิ่มสัดส่วนการลงทุนเป็น 40% และกระทรวงการคลังก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ได้เร่งดำเนินการให้ คาดว่าจะมีประกาศกระทรวงการคลังออกมาในปีนี้ และ ปี 2563 กบข. เริ่มทยอยการลงทุนในต่างประเทศได้

"การลงทุนในต่างประเทศของ กบข. ได้ประโยชน์หลายอย่าง ทั้งสร้างผลตอบแทนให้สมาชิกสูงความเสี่ยงต่ำกว่าลงทุนในประเทศ ให้ผลตอบแทนที่มีเสถียรภาพมั่นคง แล้วยังเป็นแบบอย่างให้กองทุนอื่นๆ ไปลงทุนในต่างประเทศเพิ่มขึ้น รวมถึงยังช่วยให้ค่าเงินบาทไทยอ่อนค่าได้อีกทางหนึ่งด้วย"

กบข.ยกเครื่องใหญ่ ลุยลงทุนตปท. เน้นผลตอบแทนมั่นคงปีละ4%



อนึ่ง ปัจจุบัน กบข. มีมูลค่าสินทรัพย์ลงทุนรวมประมาณ 940,000 ล้านบาท (แบ่งเป็นสินทรัพย์ ส่วนของสมาชิก 400,000 ล้านบาท และเงินสำรองของรัฐบาล 540,000 ล้านบาท) และมีผลตอบแทนการลงทุน ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2562 เท่ากับ 5.0% โดยสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนการลงทุนในรูปเงินบาทสูงสุด ได้แก่ หุ้นประเทศพัฒนาแล้ว 16.8% หุ้นประเทศเกิดใหม่ 12.4%, Absolute Return Fund 11.7%, และ Global Private Equity 10.2% ตามลำดับ ในขณะที่หุ้นไทยให้ผลตอบแทนที่ 3.8% เท่านั้น