posttoday

ต่างชาติถล่มทิ้งหุ้นไทย ไม่เชื่อมั่นฝีมือรัฐบาลบริหารเศรษฐกิจ

04 ธันวาคม 2562

ดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ทรุดหนัก สะท้อนความไม่เชื่อมั่นของนักลงทุนกับเศรษฐกิจไทยชะลอตัวรุนแรงและการบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ล้มเหลว

ดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ทรุดหนัก สะท้อนความไม่เชื่อมั่นของนักลงทุนกับเศรษฐกิจไทยชะลอตัวรุนแรงและการบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ล้มเหลว

.....................................

โดย...เกียรติศักดิ์ ผิวเกลี้ยง

สภาพการซื้อขายหุ้นไทยในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ตั้งแต่เปิดสัปดาห์ ต้องบอกว่าอยู่ในสภาพอยู่ในช่วงขาลงหาขาขึ้นไม่เจอ

ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันจันทร์ตกอย่างหนักปิดตลาดที่ระดับ 1,569.53 จุด ลดลง 21.06 จุด (-1.32%) มูลค่าการซื้อขาย 54,756.50 ล้านบาท โดยดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,589.34 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,566.68 จุด

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ประเมินว่า ตลาดหุ้นไทยตกตามตลาดต่างประเทศแล้ว ยังกังวล ความเสี่ยงภายในประเทศ ทั้งเรื่องตัวเลขเศรษฐกิจที่ชะลอตัวต่อเนื่อง และยังเป็นห่วงเรื่องการเมือ เสถียรภาพของรัฐบาลที่ไม่มั่นคง ทำงานไม่เอกภาพ ซึ่งยิ่งใกล้จะโหวตเสียงเรื่องงบประมาณก็ยิ่งวิตกกัน เพราะหากงบประมาณไม่ผ่านก็จะเป็นปัญหาเพิ่มมากขึ้น

มาถึงวันอังคารหนักลงทุนที่หวังช้อนทำกำไรจากหุ้นตก ต้องกรรมซ้ำเมื่อหุ้นไทยไปไม่ไหวปิดลบ 1.90 จุด หุ้นไทย วันที่ 3 ธ.ค.ดัชนีปิดที่ระดับ 1,567.63 จุด ลดลง 1.90 จุด (-0.12%) มูลค่าการซื้อขาย 44,022.45 ล้านบาท

สภาพหุ้นไทยดังกล่าว ต้องถือว่าอยู่ในภาวะทรงกับทรุด ลงแรงแต่ขึ้นน้อย ทำให้ภาพรวมของดัชนีหุ้นย่อตัวลงเรื่อยๆ จากต้นปีคิดว่าดัชนีหุ้นไทยจะวิ่งผ่าน 1,700 จุด ถึวตอนนี้ทุกคนได้แต่หวังให้ร่วงต่ำกว่า 1,500 จุด ก็ถือว่าเก่งเกินบรรยายแล้ว

ตลาดหุ้นไทยที่ทรุดหนัก ทำนักลงทุนส่วนใหญ่ติดดอยกัน หนีไม่พ้นจากภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศที่คาดว่าจะขยายตัวได้อย่างเก่งปีนี้ 2.6 และ ปีหน้าได้ 3% ไม่เป็นจริงอย่างที่หน่วยงานของรัฐบาลคาดการณ์

ล่าสุดธนาคารกรุงศรีอยุธยา เศรษฐกิจปีนี้จะโตได้ 2.4 ปีหน้าโตได้ 2.5 ยิ่งเป็นการตอกย้ำเพิ่มขึ้นเวลาเศรษฐกิจไทยไม่ได้ทรุดแค่ปีนี้ แต่จะลากยาวไปถึงปีหน้าด้วย

หรือจะเป็นก่อนหน้านี้ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจ (อีไอซี) ของธนาคารไทยพาณิชย์ ก็หั่นเศรษฐกิจปีนี้เหลือ 2.5% และปีหน้าเหลือ 2.8% มาแล้ว หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจาก 1.50% เหลือ 1.25% เนื่องจากการขยายตัวเศรษฐกิจต่ำกว่าที่คาดไว้ ทำให้คาดว่าในเดือนนี้ ธปท. จะหั่นเศรษฐกิจปีนี้ที่คาดการณ์ไว้ล่าสุด 2.6% ลงอีกครั้ง

เมื่อเศรษฐกิจรวมเป็นเช่นนี้ ย่อมส่งผลประกอบการของบริษัทในตลาดหุ้นทรุดตามภาวะเศรษฐกิจไปด้วย ซึ่งหมายถึงผลประกอบการของบริษัทจะไม่ดีทั้งปีนี้และปีหน้า ทำให้นักลงทุนประเมินว่า การลงทุนไม่คุ้มค่าเงินผลการดำเนินงานของบริษัทในตลาดไม่ดี การได้เงินปันผลก็จะน้อย จึงทยอยขายหุ้นต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ขณะนี้ตลาดหุ้นไทยถือว่าให้ผลตอบแทนต่ำ เมื่อเทียบกับประเทศเกิดใหม่เหมือนกัน ทำให้นักลงทุนต่างประเทศ ขายหุ้นไทยมาต่อเนื่องเพื่อเคลื่อนย้ายเงินลงทุนไปประเทศอื่นที่ให้ผลตอบแทนมากกว่า

ขณะเดียวกันค่าเงินบาทไทยที่แข็งค่าต่อเนื่อง แม้ว่า ธปท. จะลดดอกเบี้ย และมาตรการส่งเสริมเงินทุนไหลออก ก็ทำไดแค่พยุงเงินบาทให้แข็งค่าขึ้นช้าเท่านั้น เพราะประเทศไทยยังเกินบัญชีเดินสะพัดอยู่มาก การเร่งลงทุนโครงการอีอีซีของภาครัฐจะทำให้มีเงินไหลเข้ามา ทำให้หลายแห่งเริ่มประเมินกันว่า ค่าเงินบาทไทยปีหน้าจะแข็งค่าหลุด 30 บาทต่อดอลลาร์ ยิ่งส่งผลต่อการส่งออกของไทย ทำให้เศรษฐกิจไทยปีหน้าชะลอตัวกว่าหลายฝ่ายคาด

ขณะเดียวกัน นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศยังมองว่า การบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาลเป็นความเสี่ยงกับตลาดหุ้นไทย มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลออกมาไม่ได้ผล เป็นมาตรการที่แก้ปัญหาเฉพาะหน้า จำนวนเงินที่อัดฉีดเข้าสู่ระบบน้อยเกินไป ไม่ทำให้เกิดการหมุนเวียนของเงินในระบบเศรษฐกิจต่อ จึงทำให้เศรษฐกิขไทยยังชะลอตัวลงต่อเนื่องทั้งปีนี้และปีหน้า

ทุกครั้งที่หุ้นไทยปรับตัวขึ้นต่อเนื่องรัฐบาลจะออกมาประโคมข่าวทันทีว่า นักลงทุนมั่นใจเศรษฐกิจไทยในอนาคต แต่เมื่อเวลาหุ้นตกอย่างหนัก รัฐบาลกลับนิ่งเงียบเพราะไม่กล้าบอกความจริงว่าเศรษฐกิจไทยไม่ได้ดีอย่างที่คาดฝันไว้ และการแก้ไขการออกมาตรการก็ไม่ได้ผลอย่างที่ควรเป็น

ที่สำคัญปัญหารอยร้าวของทีมเศรษฐกิจรัฐบาลยิ่งวัน ยิ่งปิดไม่อยู่ ว่ารัฐบาลหลานพรรคหลายมุ้งทำงานด้วยกันได้ แต่ต่างคนต่างทำ ยึดเรื่องนโยบายหาเสียงของพรรคตัวเองเป็นหลัก ไม่ได้ดูเรื่องมาตรการภาพรวมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้พ้นจากปัญหาที่ประสบอยู่ในปัจจุบัน

ยิ่งอดีตหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล ออกมาตัดพ้อว่า เศรษฐกิจไทยตอนนี้เดินได้ขาเดียว จากที่ต้องเดินสี่ขา หรือ 4 เครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจ แต่ปรากฎว่ามาตรการที่กระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมามีแต่ของกระทรวงการคลัง แต่กระทรวงทรวงเศรษฐกิจอื่น ที่สำคัญและเป็นปัญหาฉุดเศรษฐกิจ แต่กลับไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงคมนาคม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์การเกษตร

ไม่ว่าการออกมาส่งสัญญาณดังกล่าว ต้องการหวังผลทางการเมืองอะไรก็ตาม แต่ปรากฏการณ์ดังกล่าว ได้ส่งผลกระทบกับความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดหุ้นไทยเป็นที่เรียบร้อย นักลงทุนต่างชาติทิ้งหุ้นไทยอย่างหนัก เพราะไม่เชื่อมั่นฝีมือรัฐบาลบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาลไทย ว่าทำได้ดีกว่าที่ทำได้อยู่ในปัจจุบัน ที่ส่วนใหญ่รัฐบาลออกมาตรการอะไรมาก็ไม่ได้ผล ยิ่งออกมาตรการยิ่งแย่ ยิ่งฟ้องว่าการบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาลล้มเหลวมากขึ้นเรื่อยๆ