posttoday

ปี 2020 เศรษฐกิจโลกชะงักงันแต่ไม่ถดถอย

30 พฤศจิกายน 2562

ปี 2020 เศรษฐกิจโลกชะงักงันแต่ไม่ถดถอย 

ปี 2020 เศรษฐกิจโลกชะงักงันแต่ไม่ถดถอย 

เรื่องโดย : พูลศรี เจริญ

********************************************

อเบอร์ดีน สแตนดาร์ด อินเวสเมนท์ บริษัทจัดการกองทุนชั้นนำระดับโลก ได้จัดงานสัมมนาแนวโน้มเศรษฐกิจโลก และการลงทุนในปี 2020

ใจความสำคัญจากงานสัมมนา ในมุมมองของอเบอร์ดีน สแตนดาร์ด ระบุว่า ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจที่ชะงักงันและความไม่ชัดเจนในด้านการเมืองที่เกิดขึ้นทั่วโลก นักลงทุนควรกระจายการลงทุนไปตามปัจจัยเสี่ยงอย่างระมัดระวังเพื่อปรับผลตอบแทนให้สูงขึ้น

นาย Govinda Finn นักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มประเทศพัฒนาในเอเชีย และญี่ปุ่น อเบอร์ดีน สแตนดาร์ด อินเวสเมนท์ มองประเด็นสำคัญๆที่กำลังจะมีบทบาทชี้นำ
เศรษฐกิจโลกและภาพการลงทุนในปี 2020 ที่กำลังใกล้เข้ามาดังนี้


เศรษฐกิจโลกชะงักงันแต่ไม่ถดถอย

สภาพพื้นฐานเศรษฐกิจระยะยาวที่ชะงักงันที่ขยายตัวซบเซาในอัตราต่ำ รวมทั้งภาวะเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ คือปัจจัยที่จะกำหนดทิศทางของเศรษฐกิจโลกในช่วง 5 ปีข้างหน้า และในขณะที่โลกกำลังก้าวเข้าสู่ปี 2020 ความไม่ชัดเจนด้านนโยบายและการเมืองยังจะเป็นปัจจัยเหนี่ยวรั้งภาคอุตสาหกรรม การค้าและการลงทุน

ฝ่ายวิจัยฯอเบอร์ดีน สแตนดาร์ด อินเวสเมนท์ ได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์จีดีพีโลกปี 2020 และ 2021 ลงเหลือ 3.1% ซึ่งต่ำกว่าระดับค่าเฉลี่ยในช่วงหลังเหตุการณ์วิกฤตการเงินโลก แต่ถึงแม้ปัจจัยความเสี่ยงต่างๆได้ทวีเพิ่มชัดเจนขึ้น เศรษฐกิจโลกคงยังจะสามารถประคองตัวไม่ให้ตกอยู่ในสภาพที่ถดถอยได้


นโยบายธนาคารกลางที่ผ่อนคลายรองรับผลการชะลอตัว

นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายอย่างมากของธนาคารกลางต่างๆ น่าจะช่วยประคองเศรษฐกิจที่ซบเซาให้ขยายตัวต่อไปได้ในระดับต่ำโดยไม่ซบเซาถึงอัตราที่ติดลบ โดยฝ่ายวิจัยฯอเบอร์ดีน สแตนดาร์ด อินเวสเมนท์ คาดว่าการปรับลดดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายในกรอบนโยบายแคบของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในปัจจุบันจะมีขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี 2020

ในขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) คงจะใช้มาตรการดอกเบี้ยในทิศทางเดียวกันเพิ่มเติมต่อไป พร้อมกันนี้ ธนาคารกลางของออสเตรเลีย แคนาดา บราซิล จีน อินเดีย และรัสเซีย ก็คงจะใช้นโยบายในลักษณะเดียวกันในเดือนที่จะมาถึงข้างหน้า พร้อมๆกับมาตรการกระตุ้นด้านการคลังเพิ่มเติมในปีหน้าโดยนักการเมืองในประเทศต่างๆจะหันมาทบทวนนโยบายภาษีและงบประมาณรายจ่ายสำหรับโครงการต่างๆ ซึ่งทั้งหมดนี้น่าจะช่วยผ่อนคลายผลกระทบจากความผันผวนที่รุนแรงของตลาดที่อาจเกิดขึ้น


ปัจจัยเสี่ยงการเมืองและการค้าฉุดความเชื่อมั่น

ในขณะที่การดำเนินนโยบายเบร็กซิต หรือ การถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษยังมีขั้นตอนและรูปแบบที่ไม่ชัดเจน มาตรการกีดกันการค้าที่มีเพิ่มขึ้น และปัญหาความขัดแย้งทางการค้าที่ปรากฏอยู่ทั่วโลก นักลงทุนจำเป็นต้องตระหนักถึงสภาพความเสี่ยงด้านภูมิศาสตร์การเมืองที่มีเพิ่มขึ้น รวมทั้งผลกระทบที่จะตามมา ความไม่ชัดเจนที่ยืดเยื้อในด้านการเมืองจะเป็นตัวเหนี่ยวรั้งโดยตรงและต่อเนื่องต่อระบบการค้า ต่อภาคธุรกิจ การลงทุน และภาคบริการทั่วโลก

ส่วนความขัดแย้งด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญซึ่งเราคาดว่าจะยังไม่สามารถหาข้อยุติได้โดยเร็ว ในขณะที่เกาหลีใต้และไต้หวันมีโอกาสเผชิญปัญหาความขัดแย้งด้านการค้าที่มาจากภาคเทคโนโลยีเป็นหลัก ส่วนความขัดแย้งระหว่างญี่ปุ่นกับเกาหลีก็คงจะสั่นคลอนระบบห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมชิ้นส่วนเทคโนโลยีของโลก

ผลตอบแทนของสินทรัพย์ที่เคยได้รับเริ่มเผชิญปัจจัยเสี่ยง

อเบอร์ดีน สแตนดาร์ด อินเวสเมนท์ คาดว่าผลตอบแทนที่เดิมเคยได้รับจากสินทรัพย์ประเภทต่างๆจะลดลงมากเมื่อเทียบกับในอดีต โดยพันธบัตรรัฐบาลจำนวนมากเริ่มมีผลตอบแทนที่ติดลบ วงจรธุรกิจต่างๆที่ใกล้ถึงจุดอิ่มตัว และโอกาสการเพิ่มอัตราสัดส่วนกำไรของบริษัทธุรกิจที่หายไปคือสัญญาณที่ชี้ว่าผลตอบแทนในส่วนของผู้ถือหุ้นจะมีต่ำกว่าเกณฑ์ค่าเฉลี่ยระยะยาว และวิธีเดิมๆที่เคยใช้ได้ดีเสมอในอดีตในการโยกย้ายเงินลงทุนจากหุ้นไปยังพันธบัตรรัฐบาลหรือตราสารหนี้ระดับความน่าเชื่อถือที่ “ลงทุนได้” เริ่มจะดูไม่เหมาะสมในวงจรการลงทุนในรอบนี้


แนวโน้มโครงสร้างใหม่เปิดช่องทางลงทุนระยะยาว

ในช่วงทศวรรษต่อไปข้างหน้า แนวโน้มโครงสร้างใหม่เช่นในเรื่องเกี่ยวกับสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง หรือกระแสนวัตกรรมใหม่ๆที่เข้ามาแทนของเดิม จะเป็นตัวกำหนดสภาพและทิศทางของตลาด โดยแรงขับเคลื่อนที่สำคัญเพิ่มขึ้นเรื่อยๆตัวหนึ่งที่จะช่วยเสริมเพิ่มผลตอบแทนการลงทุนในสินทรัพย์ในระยะยาวจะเกี่ยวข้องกับปัจจัยสภาพสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ซึ่งครอบคลุมไปถึงการเคลื่อนย้ายของประชากร แนวโน้มด้านธรรมาภิบาล และความเสี่ยงจากสภาพสิ่งแวดล้อม

ในขณะที่นวัตกรรมเทคโนโลยีอย่าง 5G และปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ได้สร้างช่องทางโอกาสใหม่ๆ แนวโน้มระยะยาวของกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีอาจจะมีสภาพที่ดีขึ้นอย่างมากจากฐานปัจจุบันที่ยังอยู่ในระดับต่ำ


นักลงทุนควรเตรียมรับมือสภาพแวดล้อมเช่นนี้อย่างไร

นายออเสน การบริสุทธิ หัวหน้าฝ่ายตราสารทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน สแตนดาร์ด (ประเทศไทย) ให้ความเห็นว่า ด้วยความสถานการณ์ความไม่แน่นอนที่ยังจะคงอยู่ต่อไปในปี 2020 อเบอร์ดีน สแตนดาร์ด ได้โฟกัสที่สถานภาพทางการเงินและกระแสเงินสด ความผันผวนที่ยังคงสูงได้เปิดให้เป็นโอกาสที่ดีในการสะสมการลงทุนที่มูลค่าที่เหมาะสม

นายพงค์ธารินทร์ ทรัพยานนท์ หัวหน้าฝ่ายตราสารหนี้ บลจ. อเบอร์ดีน สแตนดาร์ด (ประเทศไทย) ให้ความเห็นว่า ถึงแม้ว่าบริษัทจะมองเห็นถึงโอกาสการโตของอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปีหน้า แต่ยังเชื่อว่าอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้จะยังคงอยู่ในระดับนี้ไปในอนาคตข้างหน้าซึ่งคาดการณ์จากการผ่อนคลายนโยบายทางการเงินอย่างต่อเนื่องทั้งในไทย และประเทศอื่นที่กำลังกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจ ด้วยเหตุนี้การลงทุนในตราสารหนี้จะยังคงให้ผลตอบแทนที่เสถียรและควรเป็นส่วนสำคัญในการจัดสรรสัดส่วนการลงทุน

ปิดท้ายที่นาย Govinda Finn ให้ความเห็นว่า กระจายการลงทุนไปสินทรัพย์ที่เชื่อมโยงกันน้อยลง โดยสภาพแวดล้อมปัจจุบันเพิ่มความเหมาะสมที่จะใช้ยุทธวิธีที่ระมัดระวัง และรูปแบบกระจายการลงทุน นอกเหนือจากวิธีเดิมๆที่เพียงแต่จัดสรรแบ่งเงินลงทุนให้กับหุ้นและตราสารหนี้ ถึงแม้ตลาดประเทศเกิดใหม่และตลาดของญี่ปุ่นจะยังดูน่าสนใจ แต่การลงทุนที่เป็นทางเลือกใหม่ที่ให้ผลตอบแทนดีหลังปรับค่าความเสี่ยงแล้วจะมาจากประเภทสินทรัพย์ที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคยน้อยกว่า

ยกตัวอย่างเช่น แนวโน้มระยะยาวของตราสารหนี้ของรัฐบาลประเทศเกิดใหม่ที่มีมูลค่าหน่วยเป็นสกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งขณะนี้มีความแข็งแกร่งมากเป็นพิเศษ โดยมีคาดการณ์ผลตอบแทนอยู่ที่เกือบ 6%ต่อปี

นอกจากนั้น อเบอร์ดีน สแตนดาร์ด อินเวสเมนท์ ยังเพิ่มน้ำหนักการลงทุนให้กับพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่มีประกันผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อ (US Treasury
Inflation Protected Securities (TIPS) รวมทั้งเงินเยนญี่ปุ่น ซึ่งเรามองว่าสามารถใช้เป็นตัวกระจายความเสี่ยงการลงทุนในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนเพิ่มขึ้น

เพิ่มผลตอบแทนของสินทรัพย์ทางเลือกใหม่

สำหรับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงจากประเภทสินทรัพย์ที่ขาดสภาพคล่องได้ ตลาดสินทรัพย์ส่วนบุคคลที่ไม่ถูกกระทบจากปัญหาความผันผวนของตลาดหุ้น เช่น หุ้นและตราสารหนี้ในพอร์ตลงทุนส่วนบุคคล สินทรัพย์ประเภทโครงสร้างพื้นฐานและอสังหาริมทรัพย์ คือ ทางเลือกการกระจายอัตราผลตอบแทนที่มีให้กับพอร์ตการลงทุน ซึ่งเปิดโอกาสให้ได้ผลตอบแทนที่สูงกว่ามากเมื่อเทียบกับตลาดสำหรับนักลงทุนทั่วไป

ทั้งนี้ อเบอร์ดีน สแตนดาร์ด อินเวสเมนท์ ชอบสินทรัพย์กลุ่มโครงสร้างพื้นฐานและตราสารที่ให้ผลตอบแทนค่อนข้างสูง โดยยังคงรักษากระแสเงินสดให้กับนักลงทุนได้โดยไม่อ่อนไหวมากนักต่อสภาพเศรษฐกิจ และมองสินทรัพย์เหล่านี้ว่าเป็นสิ่งที่ใช้กระจายการลงทุนที่น่าสนใจ