posttoday

เอเซียพลัส ลดเป้าหุ้นไทยปี 62 เหลือ 1,612 จุด

27 พฤศจิกายน 2562

สงครามการค้ายืดเยื้อ ฉุดกำไรบริษัทในตลาดหุ้น แต่ผ่านจุดต่ำสุดแล้วในไตรมาส 2 ลุ้นไตรมาส 4 เป็นช่วงจุดสูงสุดของหลายธุรกิจ

สงครามการค้ายืดเยื้อ ฉุดกำไรบริษัทในตลาดหุ้น แต่ผ่านจุดต่ำสุดแล้วในไตรมาส 2 ลุ้นไตรมาส 4 เป็นช่วงจุดสูงสุดของหลายธุรกิจ

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซียพลัส กล่าวว่า บริษัทได้ปรับเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยในปี 2562 ที่ระดับ 1,612 จุด จากเดิมที่คาดการณ์ระดับ 1,655 จุด พร้อมปรับลดประมาณการณ์กำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ปี 2562 ลง 36,900 ล้านบาท มาอยู่ที่ 9.63 แสนล้านบาท จากเดิมที่คาด 9.9 แสนล้านบาท หลังกำไรสุทธิ บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไตรมาส 3/62 อยู่ที่ 2.12 แสนล้านบาท ลดลง 17.40% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

ทั้งนี้ เนื่องจากผลกระทบจากสงครามการค้าที่ยืดเยื้อ ซึ่งมองว่ากำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ได้ผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส 2 มาแล้ว และไตรมาส 4 จะเป็นช่วงจุดสูงสุดของหลายธุรกิจ อีกทั้งประเทศไทยอาจได้รับการปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือ (เครดิต) ประเทศ ส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยงน่าสนใจ และมีโอกาสเห็นเงินทุนโยกเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้น

ขณะที่ ตลาดหุ้นไทย ปี 2563 ยังมีมุมมองเชิงบวก ตั้งเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยในปี 2563 ที่ระดับ 1,579 - 1,675 จุด หลังคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 2 ครั้ง รวมทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล

 

สำหรับกรณีที่ ครม. ออกมาตรการลดภาระการซื้อที่อยู่อาศัย ภายใต้โครงการ "บ้านดีมีดาวน์"มองว่า ส่งผลบวกกับกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ค่อนข้างมาก เพราะภาครัฐช่วยสนับสนุนเงินดาวน์ ถึง 5 หมื่นบาทต่อราย ถือว่าค่อนข้างสูง ช่วยระบายสต๊อกที่อยู่อาศัยในตลาดได้ค่อนข้างกว้างถึงระดับประมาณ 5.5 ล้านบาท และเชื่อว่าผลประกอบการของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ในไตรมาส 1 ปี 2563 จะดีขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีนี้ ส่วนแนวโน้มในระยะยาวคงต้องติดตามภาวะเศรษฐกิจต่อไป

บล.เอเซีย พลัส คาดว่าช่วง 6 สัปดาห์ที่เหลือของปีนี้กลุ่มที่น่าลงทุน ได้แก่ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มสื่อสาร กลุ่มโรงพยาบาล กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม และกลุ่มโลจิสติกส์ ซึ่งกลุ่มที่ต้องระวัง คือ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ที่กดดันจากงานโครงการภาครัฐที่ยังมีความล่าช้า