posttoday

ครม.เศรษฐกิจไร้ทิศ ทำเศรษฐกิจไร้ทาง

21 พฤศจิกายน 2562

คณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐกิจเป็นความหวังของนักลงทุนและประชาชน ที่จะมาฟื้นเศรษฐกิจให้พ้นจากปากเหว แต่วันนี้ดูเหมือนความเชื่อมั่นดังกล่าวเหลือน้อยเต็มที

คณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐกิจเป็นความหวังของนักลงทุนและประชาชน ที่จะมาฟื้นเศรษฐกิจให้พ้นจากปากเหว แต่วันนี้ดูเหมือนความเชื่อมั่นดังกล่าวเหลือน้อยเต็มที

.....................................

โดย...เกียรติศักดิ์ ผิวเกลี้ยง

การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกโรงบอกว่าต้องยกเครื่องการทำงานของคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) กันใหม่เพื่อให้การบริหารเศรษฐกิจมีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นภาพสะท้อนได้ว่าการทำงานของ ครม.เศรษฐกิจ ที่ผ่านมายังไม่ได้ผลอย่างที่ควรเป็น

การทำงานของ ครม.เศรษฐกิจ ที่ไม่ได้ผลทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น เป็นรอยแผลของนายกรัฐมนตรีไปด้วยว่าบริหารเศรษฐกิจไม่ประสบความสำเร็จ เพราะการนั่งเป็นหัวโต๊ะ ครม.เศรษฐกิจ ก็มีบทบาทเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจไปในตัวด้วย

การตั้ง ครม.เศรษฐกิจ มีเป้าหมายชัดเจนว่า จะทำทุกวิถีทางให้เศรษฐกิจไทยปี 2562 ขยายตัวได้ 3% ซึ่งหากวัดจากตัวชี้วัดนี้ก็ถือว่า ครม.เศรษฐกิจ สอบตก เพราะล่าสุดสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ปรับลดเศรษฐกิจปี 2562 เหลือ 2.6% จากเดิม 2.8%

หลังจากนั้น สำนักงานวิจัยเศรษฐกิจ (อีไอซี) ธนาคารไทยพาณิชย์ ก็ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจปี 2562 เหลือ 2.5% จากเดิม 2.8% ทันที รวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็จะปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจปี 2562 ลงในเดือน ธ.ค. ที่จะถึงนี้ จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ 2.8%

จากแนวโน้มเศรษฐกิจของสำนักทางเศรษฐกิจต่างๆ ทำให้ปิดประตูตีแมวได้เลยว่า เศรษฐกิจปีนี้หมดหวังที่จะดันจะกระตุ้นให้ถึง 3% อย่างที่ ครม.เศรษฐกิจ ตั้งเป้าไว้อย่างแน่นอน

ย้อนกลับมาดูว่า ทำไม่ ครม.เศรษฐกิจ ถึงไม่ประสบความสำเร็จในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ได้ตามเป้าหมาย ตรงกันข้ามเศรษฐกิจยิ่งวันยิ่งชะลอตัวเพิ่มมากขึ้น

อันดับแรกที่ ครม.เศรษฐกิจ ต้องยอมรับคือ ความไม่มีเอกภาพการทำงานของ ครม.เศรษฐกิจ ไม่มีการรวมแรงรวมใจกันที่จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจในภาวะที่ชอลอตัวรุนแรง เนื่องจากรัฐมนตรีเศรษฐกิจมากจากต่างพรรคการเมืองกัน ไม่เป็นเนื้อเดียวกัน ต่างตนต่างก็อยากจะทำงานโชว์เป็นผลงานยของพรรค มากกว่าให้เป็นผลงานของ ครม.เศรษฐกิจ จึงเห็นได้ว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกจาก ครม.เศรษฐกิจ ที่ผ่านมา ไม่เป็นชิ้นเป็นอันอย่างที่ควรเป็น

อันดับต่อมา คือ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ คือ นายกรัฐมนตรีไม่มีเวลาที่จะมาดูแลปัญหาเศรษฐกิจจริงจัง เจาะลึกติดตามเกาะติด เนื่องจากมีภารกิจอื่นต้องทำ รวมถึง สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่เคยเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจก่อนการเลือกตั้ง ก็มีบทบาทแค่เป็นรองนายกคุมกระทรวงเศรษฐกิจบางกระทรวงเท่านั้น ทำให้การบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาลจึงไม่มีพลัง

เหตุผลต่อมา ต้องบอกว่ามาตรการที่ ครม.เศรษฐกิจ คลอดออกมา ถือว่าไม่เป็นชิ้นเป็นอัน บางมาตรการก็ไม่ใช่มาตรการแต่เป็นแค่การรายงานการทำงานของแต่ละกระทรวงเศรษฐกิจให้ ครม.เศรษฐกิจ ทราบเสียมากกว่า เช่น การลงทุนของกระทรวงคมนาคม ที่มีแผนการลงทุนใน 5 ปี กว่า 1 ล้านล้านบาท ก็เป็นงานที่ดำเนินการอยู่แล้วไม่ใช่มาตรการใหม่ เสนอเข้า ครม.เศรษฐกิจ แล้วก็เงียบหายไป ไม่ได้มีการสานต่อให้ ครม. ชุดใหญ่เห็นชอบ เป็นต้น

ที่ผ่านมา มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่ผ่านการเห็นชอบจาก ครม.เศรษฐกิจ และให้เสนอให้ ครม. ใหญ่เห็นชอบ มีเพียงมาตรการชิมช้อปใช้ และมาตรการท่องเที่ยว 100 บาทเที่ยวทั่วไทย ซึ่งมาตรการดังกล่าวถึงวันนี้่ก็พบว่าไม่มีพลังพอที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้เพิ่มมากขึ้น

ปัญหาอันดับต่อมาของ ครม. เศรษฐกิจ คือ การไม่มีวาระประชุมที่ชัดเจน รวมถึงการประชุมที่ไม่สม่ำเสมอ ไม่มีกำหนดเวลาที่ตายตัวว่าต้องประชุมทุกสัปดาห์ แต่จะประชุมก็ต่อเมื่อรัฐมนตรีเศรษฐกิจว่างพร้อมกัน หรือ มาตรการเรื่องที่จะเสนอให้ ครม.เศรษฐกิจ ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว

ยังมีปัญหาสำคัญของ ครม.เศรษฐกิจ คือ การไม่เรียงลำดับความสำคัญของการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เห็นได้ชัดว่าเศรษฐกิจมีปัญหาจากการส่งออกของไทยขยายตัวได้ต่ำกว่าที่ประมาณการไว้มาก เนื่องจากสงครามการค้า ถึงขนาด สศช. ประเมินว่าการส่งออกของไทยปีนี้จะติดลบ 2% อีไอซีประเมินว่าจะติดลบ 2.5% ธปท. ประเมินว่าติดลบ 1%

แต่ปรากฏว่า การประชุม ครม.เศรษฐกิจ ที่ผ่านมา 6-7 นัด ไม่มีการพิจารณากระตุ้นหรือแก้ปัญหาการส่งออกเลย ทำให้เศรษฐกิจไทยยิ่งวันยิ่งทรุด และ ครม.เศรษฐกิจ ยิ่งวันก็ยิ่งไม่มีใครเชื่อมั่น ดังจะเห็นได้ว่าดัชนีความเชื่อมั่นการบริโภค หรือ ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมจะตดลงเรื่อยทุกครั้งที่มีการแถลงจากหน่วยงานที่ทำดัชนีดังกล่าว

อันดับสุดท้าย ถึงวันนี้ยังไม่ความหวังว่า ครม.เศรษฐกิจ จะปรับการทำงานได้อย่างที่นายยกรัฐมนตรีสั่งการ เพราะการทำงานของ ครม.เศรษฐกิจ ที่ผ่านมาได้ทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนและนักลงทุนละลายหายสิ้นจนแทบไม่เหลือความหวังกับ ครม.เศรษฐกิจ อีกต่อไป

เพราะการทำงานของ ครม.เศรษฐกิจ ที่ผ่านมาต้องถือว่าไร้ทิศไร้ทาง เอาแน่เอานอนไม่ได้ มาตรการเศรษฐกิจที่ออกมาก็ไม่ต่อเนื่อง มาตรการที่ควรออกก็ทำคลอดออกมาไม่ได้ มาตรการที่ออกมาได้ก็สร้างแต่กระแสแต่กระตุ้นเศรษฐกิจไม่ได้จริง ทำให้เศรษฐกิจปี 2562 หมดหวังมีแต่ทรงกับทรุดอย่างที่เป็นอยู่และยังดำเนินต่อไปจนถึงปีหน้า