posttoday

SAWAD กำไรไตรมาส 3 ทะลุพันล้าน ทำสถิติสูงสุดใหม่

14 พฤศจิกายน 2562

พอร์ตลูกหนี้ 3.3 หมื่นล้าน เพิ่มขึ้นเฉียด 25% เอ็นพีแอลลดลงเหลือ 4.3% ลั่นการบริหารหนี้มีประสิทธิภาพ เน้นการเจรจาและดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด

พอร์ตลูกหนี้ 3.3 หมื่นล้าน เพิ่มขึ้นเฉียด 25% เอ็นพีแอล ลดลงเหลือ 4.3% ลั่นการบริหารหนี้มีประสิทธิภาพ เน้นการเจรจาและดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด

น.ส.ธิดา แก้วบุตตา ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์องค์กร บริษัทศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาส3/2562 บริษัทและบริษัทย่อยมีผลกำไรรวมสุทธิ 1,006.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 179.17 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 21.66% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิ 827.36 ล้านบาท

โดยมีรายได้ดอกเบี้ยงวดไตรมาส3/2562 จำนวน 1,909.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น378.15 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น24.69% เมื่อเทียบกับไตรมาส3/2561 ที่มีรายได้ดอกเบี้ย1,531.78 ล้านบาท ซึ่งก็เป็นผลมาจากการเติบโตของพอร์ตลูกหนี้จาก 27,029.64 ล้านบาท ในช่วงสิ้นสุดไตรมาส 3/2561 เพิ่มขึ้นมาเป็น 33,614.44 ล้านบาท ในช่วงสิ้นสุดไตรมาส 3/2562 หรือเพิ่มขึ้น 24.36% ขณะที่รายได้อื่นๆ ก็ปรับเพิ่มขึ้นจาก 574.25 ล้านบาท เป็น 631.67 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน

“กำไรในไตรมาส 3/2562 ของ SAWAD แตะหลักพันล้าน ถือว่าเป็นการทำสถิติกำไรสูงสุดใหม่หรือ New High ซี่งก็เป็นผลมาจากการที่พอร์ตลูกหนี้เติบโตต่อเนื่อง จากนโยบายหลักของบริษัทที่มีการขยายสาขาต่อเนื่องให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ บริษัทตั้งเป้าว่าจะขยายสาขาให้ได้ จำนวน 4,200 สาขา ในปี 2563 ” น.ส.ธิดา กล่าว

สำหรับตัวเลขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)ในงวดสิ้นสุดเดือนกันยายน 2562 ก็ปรับตัวลดลงเหลือระดับ 4.31 % จากงวดเดียวกันของปี 2561 ที่มีเอ็นพีแอลในระดับ 5.02% การปรับลดลงของเอ็นพีแอล เนื่องจากบริษัทมีระบบการบริหารหนี้และติดตามหนี้มีประสิทธิภาพ ขณะที่มีหนี้สูญและค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญจำนวน 164.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49.27 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน 115.35 ล้านบาท ซี่งเป็นผลมาจากการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อ

“การดูแลลูกค้าที่ผิดนัดชำระ SAWAD จะเน้นการเจรจา และมีการดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ลูกค้าทั้งหมดอยู่ในช่วงเวลาการค้างชำระสูงสุดไม่เกิน 90 วัน” น.ส.ธิดา กล่าว

ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานโค้งสุดท้ายของปี 2562 บริษัทก็ประเมินว่าจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งรายได้และกำไร เนื่องจากบริษัทยังมีการขยายสาขาต่อเนื่อง และลูกค้ายังมีความต้องการใช้เงิน ทั้งในส่วนที่เติมสภาพคล่อง และส่วนที่ต้องการขยายกิจการ โดยตั้งเป้าหมายว่ารายได้จะเติบโตประมาณ 20% - 30%