posttoday

สหกลอิควิปเมนท์ คว้าสัมปทานเหมืองถ่านหินที่เมียนมา 25 ปี

12 พฤศจิกายน 2562

พร้อมรับรู้รายได้ขายถ่านหินปี 63 ชูงานในมือสูง 2.9 หมื่นล้านบาท

พร้อมรับรู้รายได้ขายถ่านหินปี 63 ชูงานในมือสูง 2.9 หมื่นล้านบาท

นายกวิตม์ ศิริสรรพ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท สหกลอิควิปเมนท์ (SQ) กล่าวว่า บริษัท เมือง ก๊ก เอ็นเนอยี่ ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนที่บริษัทฯ ถือหุ้น 70% ได้เซ็นสัญญาเป็นผู้รับสิทธิในสัมปทานในการทำเหมืองทั้งหมด ในโครงการเหมืองถ่านหิน เมืองก๊ก ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐฉาน สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ซึ่งเป็นเหมืองที่มีขนาดใหญ่ถึง 13 ตารางกิโลเมตร

คาดการณ์ในเบื้องต้นว่ามีปริมาณถ่านหินทางธรณีวิทยา ประเภทซับบิทูมินัส และลิกไนต์ ประมาณ 100 ล้านตัน ซึ่งเป็นปริมาณที่มากเพียงพอ สำหรับใช้เป็นเชื้อเพลิงของโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ โดยในช่วงต่อไปบริษัทจะจัดทำแผนจัดการด้านสิ่งแวดล้อม และสื่อสารชุมชน ก่อนการเข้าทำงานขุดขน ถ่านเชิงพาณิชย์ พร้อม ๆ กับการทำแผนการสำรวจลักษณะทางเคมี ปริมาณสำรองถ่านหินใน เขตพื้นที่ประทานบัตรโดยละเอียดควบคู่ไปกับการศึกษาความเป็นไปได้ใน การลงทุนต่อยอดด้านพลังงานในโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน ซึ่งนับเป็นความก้าวหน้าในการก้าวสู่ การเป็นเจ้าของสัมปทานเหมืองแร่ และธุรกิจพลังงานที่มีความยั่งยืนทางธุรกิจ

ปัจจุบัน บริษัทดำเนินโครงการขุดขนดินและถ่านหินภายใต้ 3 โครงการหลัก คือโครงการเหมืองแม่เมาะ 7 โครงการเหมืองแม่เมาะ 8 ให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิคแห่งประเทศไทย และโครงการเหมืองหงสา โดยมีมูลค่างานที่เซ็นสัญญารอรับรู้รายได้ ประมาณ 29,000 ล้านบาท สำหรับผลการดำเนินงานที่ผ่านมา

หลังจากในครึ่งปีแรกปี 2562 บริษัทมีรายได้ รวม 2,448 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 151 ล้านบาทนั้น ในงวดไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ในฤดูฝนซึ่งเป็นช่วงนอกฤดูกาลของทุกปี บริษัทมีรายได้รวม 891 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมาจากผลผลิตที่เพิ่มขึ้นของโครงการเหมืองแม่เมาะ 8 ที่ทยอยเพิ่มอัตราการผลิตของระบบสายพาน แต่อย่างไรก็ตามบริษัทมีต้นทุนการดำเนินการเพิ่มสูงขึ้น

สาเหตุหลักมาจากต้นทุนน้ำมันและต้นทุนค่าเช่าจากการใช้งานเครื่องจักรในช่วงฤดูฝนที่ไม่ได้ตามแผน ต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น 10 ล้านบาท และค่าเสื่อมราคาที่เพิ่มขึ้น 18 ล้านบาท จากโครงการเหมืองแม่เมาะ 8 ที่รับรู้เต็มจำนวน ส่งผลให้ไตรมาส 3/2562 มีผลขาดทุนสุทธิ 266 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3/2561 ที่มีผลขาดทุนสุทธิ 199 ล้านบาท

อย่างไรตาม หากพิจารณาผลประกอบการช่วง 9 เดือนแรก บริษัทฯ มีผลประกอบการที่ดีขึ้น 60% โดยขาดทุนสุทธิลดลงเหลือเพียง 115 ล้านบาท จากขาดทุนสุทธิ 295 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกปี 2561 บริษัทฯมีปริมาณงานคงเหลือในมือประมาณ 29,000 ล้านบาท รองรับการรับรู้รายได้ประมาณ 9 ปี ซึ่งสามารถแบ่งเป็น งานโครงการเหมืองแม่เมาะ 8 มูลค่าประมาณ 16,966 ล้านบาท, งานโครงการเหมืองหงสา ที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวมูลค่าประมาณ 9,118 ล้านบาท

ล่าสุดบริษัทฯ ได้รับงานเพิ่มจากโครงการเหมืองหงสา มูลค่ากว่า 2,265 ล้านบาทซึ่งอยู่ระหว่าง การจัดเตรียมเครื่องจักรและอุปกรณ์ โดยมีแผนการทำงานรับรู้รายได้ในเดือนมกราคม 2563 ตามกำหนดการ เดิม งานโครงการเหมืองแม่เมาะ 7 มูลค่าประมาณ 550 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 28,899 ล้านบาท (ไม่รวมงานเหมืองถ่านหินในเมียนมาซึ่งยังไม่ได้เซ็นสัญญาขุดขนดินและถ่านหิน)