posttoday

บล.ทิสโก้ มองหุ้นไทยสดใสยาวถึงไตรมาส 1/63

06 พฤศจิกายน 2562

ให้เป้าดัชนี 1,720 จุด เหตุสภาพคล่องสูง-ลุ้นไทยได้ปรับขึ้นเครดิต คาดหุ้นเงิน LTF/RMF ไหลเข้า AOT AMATA WHA และ BEM

ให้เป้าดัชนี 1,720 จุด เหตุสภาพคล่องสูง-ลุ้นไทยได้ปรับขึ้นเครดิต คาดหุ้นเงิน LTF/RMF ไหลเข้า AOT AMATA WHA และ BEM

นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล รองกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ทางเทคนิค บล.ทิสโก้ เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดหุ้นไทยว่า ในช่วงที่เหลือของปี 62 บล.ทิสโก้ ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อดัชนีหุ้นไทย แม้ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยจะให้ผลตอบแทนต่ำที่สุดในภูมิภาค และทำให้ในเชิงเทคนิค บล.ทิสโก้ปรับเป้าหมายดัชนีสิ้นปีลงมาอยู่ที่ 1,680 จุด และให้เป้าหมายดัชนีไตรมาส 1/63 อยู่ที่ 1,720 จุด

ขณะที่ในเชิงพื้นฐานหากไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ดัชนีหุ้นไทยยังไม่ฟื้นตัวตามที่คาดการณ์ไว้ มองว่าโอกาสปรับตัวลดลงของดัชนี (Downside) น่าจะจำกัดอยู่ที่บริเวณ 1,580 จุดเท่านั้น

ทั้งนี้ สาเหตุที่ยังมองว่าหุ้นไทยจะปรับตัวขึ้นได้และมีโอกาสปรับลดลงได้จำกัด เป็นเพราะมีปัจจัยสนับสนุนจากสภาพคล่องทั้งภายในและภายนอกประเทศ โดยปัจจัยในประเทศคาดว่าจะมีเม็ดเงินจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ไหลเข้ามาประมาณ 4-4.5 หมื่นล้านบาท ขณะที่สภาพคล่องจากต่างประเทศจะมาจากการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบของธนาคารทั่วโลก ผ่านการทำนโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และการลดอัตราดอกเบี้ย

นอกจากนี้ ยังคาดว่าในช่วงปลายปีนี้มีโอกาสที่ประเทศไทยจะได้รับการปรับอันดับความน่าเชื่อถือ (Rating) ขึ้น หลังจากที่ได้รับการปรับแนวโน้มขึ้นไปแล้วหนึ่งครั้งเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา ซึ่งประเด็นนี้จะส่งผลบวกต่อกระแสเงินทุนไหลเข้าได้ในอนาคต ดังนั้น จึงแนะนำให้นักลงทุนอาศัยช่วงที่ดัชนีหุ้นไทยย่อตัวทยอยเข้าลงทุนเป็นรอบ โดยอาจถือเพื่อไปขายทำกำไรในช่วงปลายปี 62 หรือขายทำกำไรอีกครั้งในช่วงปลายไตรมาส 1/63

"จากสถิติตั้งแต่ปี 53-62 พบว่า ในทุกปีหุ้นไทยในช่วงไตรมาสที่ 1 จะให้ผลตอบแทนเป็นบวกเฉลี่ยที่ 6.2% หรือเพิ่มขึ้นจากดัชนีปิดปีประมาณ 90 จุด ปรากฎการณ์นี้เป็นผลจากเศรษฐกิจไตรมาสที่ 1 ของทุกปีจะได้รับแรงส่งจากการท่องเที่ยวในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีก่อนหน้า และไตรมาสนี้เองนักลงทุนมักจะเข้าซื้อหุ้นเพื่อรอการจ่ายปันผล ดังนั้น จึงมองว่าในจังหวะที่ตลาดหุ้นย่อตัวจะเป็นโอกาสที่ดีที่นักลงทุนจะเข้าซื้อหุ้นและรอขายทำกำไรเป็นรอบ"นายวิวัฒน์ กล่าว

สำหรับหุ้นแนะนำจนถึงปลายปีนี้แบ่งออกเป็น 3 ธีม ได้แก่ หุ้นพื้นฐานดี ราคาปรับลงมามาก และในเชิงเทคนิคเริ่มยืนได้ คือ SCB, KKP, QH, และ SPALI, หุ้นเด่นรับมาตรการกระตุ้นภาครัฐฯ และคาดว่าเงิน LTF และ RMF จะไหลเข้า คือ AOT, AMATA, WHA และ BEM และหุ้นที่คาดว่ากำไรไตรมาส 4/62 ออกมาดี คือ CPALL, BJC, BDMS และ JWD