posttoday

เก็บภาษี"บิ๊กไบค์"เพิ่มคันละแสนเริ่ม1ม.ค.63

27 ตุลาคม 2562

นักบิด" บิ๊กไบค์" รีบซื้อคันใหม่ ต้นปี 2563 กรมสรรพสามิตเก็บภาษีเพิ่มอีกคันละประมาณ 1 แสนบาท

นักบิด" บิ๊กไบค์" รีบซื้อคันใหม่ ต้นปี 2563 กรมสรรพสามิตเก็บภาษีเพิ่มอีกคันละประมาณ 1 แสนบาท

นายณัฐกร อุเทนสุต ผู้อำนวยการสำนักแผนภาษี ในฐานะรองโฆษกกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ไดัรับทราบการเก็บภาษีสรรพสามิตรถจักรยานยนต์รูปแบบใหม่ จากเดิมเก็บตามขนาดเครื่องยนต์ มาเป็นตามการปล่อย CO2 ซึ่ง ครม. รัฐบาลที่ผ่านมาได้เห็นชอบตั้งแต่เดือน พ.ค. 2562 แล้ว แต่เมื่อมี ครม. จากรัฐบาลใหม่ กรมจึงเสนอให้รับทราบอีกครั้ง โดยภาษีใหม่จะเริ่มเก็บกับรถที่นำออกจากโรงงานหรือนำเข้ามาตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2563 เป็นต้นไป

สำหรับอัตราภาษีรถจักรยานยนต์ใหม่ จะทำให้รถจักรยานยนต์ขนาดไม่เกิน 150 ซีซี ที่มีการใช้เป็นส่วนใหญ่ 90% ของรถทั้งหมดในประเทศ มีภาษีเพิ่มขึ้นคันละประมาณ 100 กว่าบาทเท่านั้น เพราะจากเดิมเสียภาษีในอัตรา 2.5% มาเสียภาษี 3% ของราคาขายปลีกหรือราคานำเข้า

ขณะที่รถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ตั้งแต่ที่เครื่องยนต์เกิน 1,000 ซีซี ขึ้นไปหรือ บิ๊กไบค์ จะต้องเสียภาษีเพิ่มคันละประมาณ 1 แสนบาท เนื่องจากกินน้ำมันมีการปล่อย CO2 มาก ทำให้ต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้น และรถมีราคาแพงคันละกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งบิ๊กไบค์ในประเทศไทยได้รับความนิยมในประเทศไทยมากขึ้น มีสัดส่วน 2-3%

สำหรับอัตราภาษีรถจักรยานยนต์ประกอบด้วย 3% 5% 9% และ 18% ตามการปล่อย CO2 โดยหากผู้ประกอบการไม่มีการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีให้มีการปล่อย CO2 ลดลง จะทำให้กรมสรรพสามิตเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้นปี 500-700 ล้านบาท

เก็บภาษี"บิ๊กไบค์"เพิ่มคันละแสนเริ่ม1ม.ค.63

"การเก็บภาษีรถจักรยานยนต์ตามการปล่อย CO2 ทำให้เกิดการประหยัดพลังงานและรักษาสิ่งแวดล้อม รถบิ๊กไบค์มีทั้งจากค่ายยุโรปและญี่ปุ่น ซึ่งอาจจะมีการปรับเทคโนโลยีให้ทันสมัยเพื่อให้เสียภาษีเพิ่มขึ้นน้อยลง แต่โดยรวมบิ๊กไบค์ต้องเสียภาษีเพิ่มขั้นคันละประมาณ 1 แสนบาท เพราะราคาสูงต่อคันกว่า 1 ล้านบาท" นายณัฐกร กล่าว

นายณัฐกร กล่าวว่า การเก็บภาษีความหวานเต็มเพดานเริ่ม 1 ต.ค. ที่ผ่านมา ผู้ประกอบการส่วนใหญ่มีการลดปริมาณน้ำตาลทำให้เสียภาษีลดลงปีละประมาณ 20 ล้านบาท สำหรับราคาเครื่องดื่มน้ำอัดลมที่มีการปรับราคาเพิ่มขึ้น 1-2 บาท มาจากต้นทุนภาษีส่วนน้อยเท่านั้น เพราะเสียภาษีเพิ่มขึ้นกระป๋องละ 10 สตางค์เท่านั้น ดังนั้นการปรับเพิ่มราคาขึ้นเป็นเรื่องของการตลาดมากกว่าต้นทุนที่เกิดจากการเสียภาษีเพิ่มขึ้น