posttoday

"ธนาคารธนชาต"กำไรไตรมาส3นิวไฮ4,054ล้านบาท

18 ตุลาคม 2562

ธนาคารธนชาต กำไรนิวไฮเปิดแบรนด์ใหม่ “ธนชาตDRIVE” พร้อมบริการลูกค้าทุกมิติ กำไร 4,054 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากไตรมาสก่อน 12.86%

ธนาคารธนชาต กำไรนิวไฮเปิดแบรนด์ใหม่ “ธนชาตDRIVE” พร้อมบริการลูกค้าทุกมิติ กำไร 4,054 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากไตรมาสก่อน 12.86%

นายประพันธ์ อนุพงษ์องอาจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิในไตรมาส 3 ปี 2562 จำนวน 4,054 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 12.86% และเป็นกำไรสุทธิที่สูงเป็นสถิตินิวไฮ  สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน ปี 2562

ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 11,296 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.40% จากงวดเดียวกันปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการการเติบโตของฐานรายได้รวม และการลดลงของค่าใช้จ่ายหนี้สูญ และหนี้สงสัยจะสูญ ถึงแม้ว่าสิทธิประโยชน์ทางภาษีของธนาคารได้หมดไปตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2561 แต่ผลการดำเนินงานก่อนภาษีของธนาคารและบริษัทย่อยยังเติบโตได้สูงถึง 11.40%

นายประพันธ์ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 20 ปี ของการเป็นตัวจริงที่มุ่งมั่นและเชี่ยวชาญในวงการสินเชื่อรถยนต์   ก้าวย่างที่ยิ่งใหญ่ขึ้นของสินเชื่อรถยนต์ธนชาตในวันนี้    คือการยกระดับสู่การเป็นแบรนด์ภายใต้ธนาคารธนชาต ในชื่อว่า ธนชาตDRIVE (ธนชาตไดรฟ์) ซึ่งต่อยอดมาจากแนวคิด ให้ชีวิตก้าวหน้าได้ทุกวัน Your Everyday Progress ธนชาตไดรฟ์ไม่ได้มีแค่ผลิตภัณฑ์และบริการสินเชื่อรถยนต์เท่านั้น แต่ยังมีบริการครบวงจร ทั้ง ธนชาตDRIVE รถแลกเงิน     ธนชาตDRIVE รถใหม่  ธนชาตDRIVE รถมือสอง ธนชาตDRIVE Privilege เว็บไซต์ ThanachartDrive Bluebook และ ธนชาตDRIVE Academy รวมถึงการพัฒนาด้านดิจิทัลแพลตฟอร์ม / การขยายความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจให้กว้างขวางยิ่งขึ้น วันนี้เราพร้อม ขับเคลื่อนความก้าวหน้า ให้กับลูกค้าในทุกมิติ

ก่อนหน้านี้ ธนาคารทหารไทยที่จะควบรวมกับธนาคารธนชาต แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ธนาคารมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักสำรองฯ 5,984 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ธนาคารปรับปรุงคุณภาพพอร์ตสินเชื่อ โดยดำเนินการปรับลดสินเชื่อที่มีปัญหาเพื่อเตรียมความพร้อมรับ IFRS9 และเพื่อเสริมฐานะทางการเงินให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น รองรับดีลการรวมกิจการ จึงทำให้ยังคงเห็นการตั้งสำรองฯ ในเกณฑ์สูง แต่ขณะเดียวกันก็สามารถลดสัดส่วนหนี้เสียลงเหลือ 2.52% และคงสัดส่วนเงินสำรองต่อหนี้เสียในระดับสูงที่ 140% ได้ตามเป้า หลังจากหักค่าใช้จ่ายสำรองฯ ดังกล่าว และภาษี กำไรสุทธิอยู่ที่ 2,111 ล้านบาท

สำหรับผลการดำเนินงานรอบ 9 เดือน ปี 2562 เทียบกับรอบ 9 เดือน ปี 2561 นั้น เนื่องจากในปีที่แล้ว ทีเอ็มบีมีรายได้พิเศษจากการขายหุ้น TMBAM 65% ประมาณ 1.18 หมื่นล้านบาท จึงต้องหักรายการดังกล่าวออกไปเพื่อเทียบผลการดำเนินงานที่แท้จริง รวมทั้งหักค่าใช้จ่าย one-time ที่เกิดขึ้นในปีนี้ เช่น จ่ายค่าใช้จ่ายสำรองสำหรับพนักงาน (Employee Retirement Benefit) จะพบว่า ผลการดำเนินงานหลักยังคงดีขึ้น รายได้จากการดำเนินงานรวมรอบ 9 เดือน ปี 2562 เพิ่มขึ้น 2.7% ส่วนกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 3.4% จากรอบ 9 เดือน ปี 2561