posttoday

รายได้เกษตรกรยังหวั่นไหว ธ.ก.ส.คาดราคาสินค้ามีทั้งขึ้นและลง

04 ตุลาคม 2562

ธ.ก.ส. คาดการณ์ราคาสินค้าเกษตรเดือนต.ค. ทั้งข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกหอมมะลิ น้ำตาลทรายดิบ ปาล์มน้ำมัน ราคาเพิ่มขึ้น แต่ข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ยางแผ่นดิบ มันสำปะหลัง สุกร กุ้งขาวแวนนาไม ราคาปรับตัวลดลง

ธ.ก.ส. คาดการณ์ราคาสินค้าเกษตรเดือนต.ค. ทั้งข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกหอมมะลิ น้ำตาลทรายดิบ ปาล์มน้ำมัน ราคาเพิ่มขึ้น แต่ข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ยางแผ่นดิบ มันสำปะหลัง สุกร กุ้งขาวแวนนาไม ราคาปรับตัวลดลง

นายสมเกียรติ กิมาวหา ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ราคาสินค้าเกษตรเดือนต.ค. 2562 ที่จัดทำโดย ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส. คาดการณ์ว่า ราคาสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% ราคาจะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 1.25-4.44 อยู่ที่ 7,935-8,185 บาท/ตัน เนื่องจากประเทศฟิลิปปินส์ประสบปัญหาข้าวขาดตลาด ทำให้ข้าวภายในประเทศมีราคาสูงมาก จึงได้ประกาศยกเลิกการจำกัดปริมาณการนำเข้าข้าวจากต่างประเทศ ถือเป็นโอกาสที่ดีของผู้ส่งออกข้าวไทยที่จะส่งข้าวไปขายเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 1.37-2.63 อยู่ที่ 16,832-17,041 บาท/ตัน เนื่องจากปัญหาอุทกภัยในแหล่งผลิตข้าวหอมมะลิที่สำคัญ โดยเฉพาะจังหวัดอุบลราชธานีซึ่งเป็นแหล่งผลิตข้าวหอมมะลิที่มีคุณภาพและเป็นที่ต้องการของตลาด ทำให้ปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดลดลง

ด้านน้ำตาลทรายดิบตลาดนิวยอร์ก ราคาเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 2.50-5.70 อยู่ที่ 11.36-11.72 เซนต์/ปอนด์ (7.69-7.93 บาท/กก.) เนื่องจากการปรับลดประมาณการผลผลิตน้ำตาลของบราซิลในปี 2562/63 ทางภาคกลางและใต้ลดลง คงเหลือ 25.7 ล้านตัน จากคาดการณ์เดิม 27.8 ล้านตัน (JOB Economia et Planejamento, กันยายน 2562) และได้ปรับเพิ่มผลผลิตเอทานอลเป็น 30.7 พันล้านลิตร จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ 28.5 พันล้านลิตร ส่งผลให้เกิดการเข้าซื้อน้ำตาลคืนจากตลาดของกลุ่มกองทุนและนักเก็งกำไร

ขณะที่ปาล์มน้ำมัน ราคาเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนร้อยละ 0.38 - 1.94 อยู่ที่ 2.58 - 2.63 บาท/กก. เนื่องจากนโยบายของรัฐบาลในการเร่งรับซื้อน้ำมันปาล์มเพื่อนำไปผลิตไฟฟ้า จะเป็นการช่วยลดปริมาณสต็อกน้ำมันปาล์มลง และเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ทิศทางราคาปาล์มน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น
?
ด้านสินค้าเกษตรที่จะมีราคาลดลง ได้แก่ ข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ราคาลดลงจากเดือนก่อน ร้อยละ 1.63-4.99 อยู่ที่ 13,529-14,009 บาท/ตัน เนื่องจากผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาดและมีการนำเข้าข้าวเหนียวบริเวณชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน

ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ความชื้นไม่เกิน 14.5% ราคาลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 1.00-1.50 อยู่ที่ 7.36-7.40 บาท/กก. เนื่องจากการเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์รุ่น 1 ยังมีอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผลผลิตออกสู่ตลาดมากขึ้น ประกอบกับสภาพอากาศที่ความชื้นสูง ส่งผลให้คุณภาพข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลดลง

สำหรับ ยางพาราแผ่นดิบ ราคาลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 0.60 – 2.39 อยู่ที่ 37.15 – 37.83 บาท/กก. เนื่องจากคาดว่าปริมาณผลผลิตในเดือนตุลาคมจะออกสู่ตลาดมากขึ้น ซึ่งเป็นช่วงเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวสภาพอากาศเอื้ออำนวยต่อการกรีดยางพารา ประกอบกับสถานการณ์เงินบาทยังคงแข็งค่า และเศรษฐกิจโลกยังคงชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ความต้องการใช้ยางพาราลดลง อย่างไรก็ตาม มาตรการประกันรายได้ชาวสวนยางพาราและมาตรการอื่น ๆ ของรัฐบาล อาทิ การส่งเสริมการใช้ยางพาราภายในประเทศ อาจเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ราคายางพาราปรับตัวเพิ่มขึ้นได้

ด้านมันสำปะหลัง ราคาลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 0.61 - 4.32 อยู่ที่ 1.61 -1.55 บาท/กก. เนื่องจากปริมาณผลผลิตมันสำปะหลังทยอยออกสู่ตลาดต่อเนื่อง ขณะที่คุณภาพมันสำปะหลังลดลงจากปัญหาอุทกภัยและโรคใบด่าง

สำหรับสุกร ราคาลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 3.22 – 4.46 อยู่ที่ 63.25 – 64.07 บาท/กก. เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) ทำให้ประชาชนไม่กล้าบริโภคเนื้อสุกร ประกอบกับเข้าสู่ช่วงเทศกาลกินเจ ทำให้ความต้องการบริโภคเนื้อสุกรลดลง และกุ้งขาวแวนนาไม ราคาลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 0.62 – 3.03 อยู่ที่ 120.50 – 123.50 บาท/กก. เนื่องจากสถานการณ์เงินบาทยังคงแข็งค่า เป็นแรงกดดันให้การส่งออกกุ้งไทยลดลง และเข้าสู่ช่วงเทศกาลกินเจ ส่งผลให้ความต้องการบริโภคกุ้งในประเทศลดลง ขณะที่ปริมาณกุ้งออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น